รายงานข่าว เปิดเผยว่า วันนี้ (24 เม.ย.) ได้มีการประชุมชี้แจง กรอบหลักเกณฑ์ ในการปล่อยสินเชื่อ “โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับผู้ประกอบการ Non-Bank ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19” ระหว่างธนาคารออมสิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับ ผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank)
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ “โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)” เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 โดยกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินเร่งดำเนินการเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินโครงการรวม 150,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ภายในวงเงิน 135,000 ล้านบาท และให้ธนาคารออมสินสามารถให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการโดยตรงได้ในวงเงิน 15,000 ล้านบาท สำหรับเป็นเงินทุนสำรองสำหรับเสริมสภาพคล่องและลงทุน รวมถึงเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อCOVID-19
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของเชื้อCOVID-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างวงกว้างต่อเนื่อง ดังนั้น ครม.จึงมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ที่ให้บริการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้รายย่อย ได้แก่ สินเชี่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ลีสซิ่ง เช่าซื้อ เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อทะเบียนรถ เป็นการเร่งด่วน เพื่อผู้ประกอบการจะได้มีแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำไปสนับสนุนการผ่อนปรนการชำระหนี้ของลูกหนี้รายย่อยตามมาตรการของธปท. โดยที่มติครม. ลดวงเงินที่จะจัดสรรให้สถาบันการเงิน จาก 135,000 ล้านบาท เป็น 55,000 ล้านบาท และให้ธนาคารออมสินจัดสรรวงเงินให้สินเชื่อแก่ Non-Bank วงเงิน 80,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยถูก เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง และให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ให้ได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้
ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดวงเงินให้กู้ตามความสามารถและความจำเป็นของกิจการ รายละไม่เกิน 10% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด ณ สิ้นเดือนก่อนการอนุมัติ หรือตามงบการเงิน ปี 2562 แต่ต้องไม่เกินยอดคงค้างของลูกหนี้ที่มีคุณภาพดีของบริษัท วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เท่ากับ 2% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ 2 ปี โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด