Home Blog Page 5

AIS ผนึกพันธมิตร จัดเวทีเสวนา เปิดสูตรเด็ด เคล็ดลับ ต่อยอด อาชีพครีเอเตอร์ สู่ผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืน

AIS จัดเสวนา Global Creator Culture Summit เชิญกูรูระดับโลก Professor David Craig นักวิชาการด้านโซเชียลมีเดียชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เปิดตัวเลขการเติบโตของครีเอเตอร์ในเวทีโลก ตอกย้ำบริบทแห่งการสื่อสารในโลกใบใหม่ ควงพันธมิตรครบทั้ง Ecosystem และสุดยอดครีเอเตอร์ไทย เผยแรงบันดาลใจ สูตรเด็ด เคล็ดลับ สร้างครีเอเตอร์สู่อาชีพที่สามารถต่อยอดให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้พัฒนา Digital Infrastructure ของประเทศ นอกเหนือจากเป้าหมายในการส่งมอบประสบการณ์และเทคโนโลยีเพื่อลูกค้าและคนไทยแล้ว เรายังพร้อมสนับสนุนด้วยเครื่องมือต่างๆ ตลอดจน เชื่อมโยง องค์ความรู้ ทักษะ ให้แก่ผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ตามแนวคิด Ecosystem Economy หรือ เศรษฐกิจแบบร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Content Creator ที่ถือเป็นผู้ประกอบการซึ่งมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และยังเป็นศูนย์กลางความเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกในทุกแง่มุม

จึงเป็นที่มาของการจัดงานเสวนา “Global Creator Culture Summit” ที่นอกจากจะได้รับเกียรติจากนักวิชาการระดับโลกอย่างโปรเฟสเซอร์เดวิด เครค (Professor David Craig) หนึ่งในนักวิชาการด้านโซเชียลมีเดียชั้นนำของโลกจากสหรัฐอเมริกา มาร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของ Content Creator ไทยแล้ว เรายังได้เชิญสุดยอด Content Creator คนไทย พร้อมกับผู้เกี่ยวข้องใน Ecosystem การขับเคลื่อน Creator Culture ของไทยมาร่วมแลกเปลี่ยนบนเวทีนี้อีกด้วย”

ด้านโปรเฟสเซอร์เดวิด เครค กล่าวว่า “วันนี้ครีเอเตอร์ คือ กลุ่มผู้ทรงอิทธิพล ที่เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก เพราะมีศักยภาพเป็นได้ทั้ง “แบรนด์” ด้วยตัวเอง, เป็นผู้สร้างชุมชนออนไลน์, สร้างรายได้แบบ O2O ทั้งจากพื้นที่ตัวเอง-แพลตฟอร์ม-ช่องทางอื่น และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่อุตสาหกรรมแวดล้อมอื่นๆ ได้อีกด้วย อาทิ มีพลังขับเคลื่อนการพัฒนาบริการและฟีเจอร์ต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือ ที่มีความสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

นี่คือสิ่งยืนยันที่ว่า ครีเอเตอร์คือศูนย์กลางการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจของแพลตฟอร์มและ Ecosystem ที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นมูลค่าถึงประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ดังตัวอย่างจาก วัฒนธรรมหว่างหง (Wanghong Culture) หรือเน็ตไอดอล ผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ของจีน ที่สร้างโซเชียลคอมเมิร์ซให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะที่จีน ไม่ว่าใคร แม้แต่แรงงานเกษตรกร ก็สามารถเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังได้ เพราะได้รับการสนับสนุนให้เป็นหว่างหงครีเอเตอร์ ดังนั้นการเดินทางมาแลกเปลี่ยนและทำงานวิจัยในครั้งนี้ของผม จึงเชื่อว่าจะได้แนวทางชัดเจน ที่ทำให้เราสามารถสร้างเศรษฐกิจจากวัฒนธรรมครีเอเตอร์ระดับโลก และสามารถกำหนดอนาคตและทิศทางของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกต่อไปได้อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน”

งานเสวนา “Global Creator Culture Summit” จัดขึ้นโดย AIS และเหล่าพันธมิตร ในวันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2567 โดยในงานมีเหล่ากูรูมากมาย มาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แรงบันดาลใจ และเคล็ดลับต่อยอดความสำเร็จในการเป็นครีเอเตอร์ ประกอบด้วย

อาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) CEA ในหัวข้อ “ทิศทางและบทบาทการส่งเสริมครีเอเตอร์ไทยไปไกลระดับโลก”
ศรัณย์ แบ่งกุศลจิต CEO Uppercuz Creative ในหัวข้อ “How to ทำอย่างไรให้สร้างรายได้จากการเป็น Content Creator”
อติชาญ เชิงชวโน (อู๋ Spin 9) Founder of Spin 9 ในหัวข้อ “โอกาสของ Creator ไทยที่ได้รับการยอมรับจากแบรนด์ระดับโลก”
วุฒิพงษ์ ลิขิตชีวัน (อาตี๋รีวิว) CEO of Artee Media, CEO of VEGA Creator (Thailand) ในหัวข้อ “เปิดเส้นทาง Creator สู่ Live Commerce อันดับ 1 ในไทย ผู้สร้างยอดขาย 1,000 ล้านบาท”
ธรรมชาติ โยธาจุล (Thammachad) TikToker ชื่อดัง ในหัวข้อ “เปิดความไม่ธรรมดาของ “ธรรมชาติ” LGBTQ+ ผู้ทลายทุกความกลัว สู่ Drag Queen Creator ที่รันวงการโซเชียล”
กวิน ภาณุสิทธิกร Head of Seller Management Thailand, TikTok Shop ในหัวข้อ “จาก Seller สู่ Creator สร้างรายได้จาก TikTok”
ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ CEO YDM Thailand กลุ่มบริษัทด้านดิจิทัลมาร์เก็ต ในหัวข้อ “กลยุทธ์ Creator Marketing สูตรสำเร็จใหม่ของธุรกิจยุคดิจิทัล”
คณาธิป ธีรทีป หัวหน้าแผนกงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด AIS ในหัวข้อ “ของดี ของดัง ของเอไอเอสที่จะเสริมส่ง Creator ให้ไปได้ไกล Beyond Frontier”

AIS 5G เตรียมวางจำหน่าย iPad Pro รุ่นใหม่

AIS 5G เตรียมวางจำหน่าย iPad Pro รุ่นใหม่ที่มีดีไซน์ที่บางเบาและดีไซน์สวยสะดุดตา พร้อมด้วยหน้าจอสุดล้ำ Ultra Retina XDR และชิป M4 ที่ทรงพลังและมีความเร็วที่สูงสุด พร้อมสำหรับ AI รวมไปถึง iPad Air ทั้งในรุ่น 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว แบบใหม่หมด สุดยอดประสิทธิภาพที่อัดฉีดพลังแรงโดยชิป M2 เตรียมเป็นเจ้าของเร็วๆนี้

โปรดตรวจสอบวันวางจำหน่ายอีกครั้ง ได้ที่ https://www.ais.th/consumers/promotions/recommend/apple/ipad/ipad-prohttps://www.ais.th/consumers/promotions/recommend/apple/ipad/ipad-air

“สาระ ล่ำซำ” รับรางวัลเกียรติยศ TOP CEO (THAILAND) 2023  ต่อเนื่องปีที่ 3

            นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลเกียรติยศ TOP CEO (THAILAND) 2023  สุดยอดผู้นำองค์กรประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากงาน 2023 ASIA CEO AWARD CEREMONY (Thailand)  งานมอบรางวัลสุดยอดผู้บริหารและแบรนด์ ชั้นนำในเอเชีย  ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในเอเชียมากว่า 20 ปี และบริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จํากัด ประเทศไทย ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ด้านการสื่อสารองค์กรในประเทศไทย 

การมอบรางวัลเกียรติยศ “TOP CEO 2023” คือการมอบรางวัลที่แสดงถึงประสิทธิภาพของผู้นำขององค์กรที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีวิสัยทัศน์กว้างขวางในการนำองค์กรสู่ความสำเร็จ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และพัฒนาการให้บริหารที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง   ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความยั่งยืนที่แท้จริง  โดยมี มิสเตอร์ จอร์จ โรดิกัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ประเทศสิงคโปร์ และนางวรรณี ลีลาเวชบุตร ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จํากัด ประเทศไทย และผู้บริหารบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี  ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ.

โปรไบโอติก เสริมภูมิคุ้มกัน สร้างสุขภาพที่ดี คน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม

ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ “โปรไบโอติก” จุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนและสัตว์ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยา สัตว์ที่กินอาหารผสมโปรไบโอติก จะได้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์คุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลดีต่อผู้บริโภค ทั้งยังช่วยในระบบการย่อยอาหารของสัตว์ ลดการปล่อยก๊าซมีเทน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ศ.ดร.ชัยภูมิ บัญชาศักดิ์ ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมปศุสัตว์ มีเป้าหมายส่งเสริมให้สัตว์มีสุขภาพที่ดี แข็งแรงตามธรรมชาติ ไม่เจ็บป่วย ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนเชื้อดื้อยา โดยการบริโภคเนื้อสัตว์คุณภาพดี จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคด้วย ตามแนวทางปฏิบัติสุขภาพหนึ่งเดียว “One Health” สุขภาพคน สุขภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อม ดีแบบองค์รวม

โปรไบโอติก คือ จุลินทรีย์มีชีวิตชนิดดี มีหลากหลายสายพันธุ์ พบมากในระบบทางเดินอาหาร มีความสำคัญเกี่ยวพันกับทุกระบบในร่างกาย เป็นหลักในการควบคุมกระบวนการเมตาบอลิซึม ช่วยในเรื่องการดูดซึมอาหาร และระบบย่อยอาหาร บางชนิดช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน

สำหรับอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ การเติมโปรไบโอติกลงในอาหารสัตว์ ช่วยให้สัตว์มีสุขภาพดี เติบโตได้ดี ช่วยลดความเครียด ทำให้เกิดความสมดุลที่ดีของจุลินทรีย์ และสามารถผลิตสารต่างๆ ที่ดีออกมา เช่น สารสื่อประสาทที่เชื่อมโยงกับสมองและส่งผลดีต่อสุขภาพสัตว์ รวมถึง ผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีอื่น ๆ ได้

ทั้งนี้ โปรไบโอติก ถูกพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย ก่อนนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์มีการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีเชื้อดื้อยา

“สัตว์ ที่กินอาหารที่มีโปรไบโอติกสามารถผลิตสารคลายความเครียด เมื่อสัตว์เครียดน้อยลง ฮอร์โมนเครียดก็ลดลง และสะสมในเนื้อสัตว์น้อยลง อีกทั้งยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันทำให้สัตว์สุขภาพแข็งแรง และสามารถผลิตสารต้านอักเสบ (Anti-inflam) ทำให้ผลิตภัณฑ์เนื้อ นม ไข่ มีสารต้านอักเสบด้วย ผู้บริโภคก็จะได้รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารที่ดี มีคุณภาพ” ศ.ดร.ชัยภูมิ กล่าว

นอกจากนี้ โปรไบโอติก ยังส่งเสริมให้ระบบย่อยอาหารของสัตว์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สัตว์ได้รับสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ สามารถดูดซึมไปใช้ได้ดี ส่งผลดีต่อการเติบโตตามช่วงอายุ ลดการขับถ่ายของเสียทางมูลสัตว์ ลดการปล่อยก๊าซมีเทนสู่สิ่งแวดล้อม

ศ.ดร.ชัยภูมิ กล่าวว่า สัตว์ที่ได้รับอาหารที่มีส่วนผสมของโปรไบโอติกจะช่วยให้สัตว์แข็งแรง ได้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์คุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่รับประทานทำให้มีสุขภาพดี ขณะเดียวกันการปล่อยก๊าซมีเทนจากภาคปศุสัตว์ก็จะลดลง เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนห่วงโซ่การผลิตภาคปศุสัตว์ผลิต “เนื้อสัตว์รักษ์โลก” อย่างยั่งยืน

เมืองไทยประกันชีวิต – มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบเงินสนับสนุน “มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์”

พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบงบประมาณสนับสนุนแก่ มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อจัดซื้อเครื่องติดตามระบบพลศาสตร์การไหลเวียนในร่างกายผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง พร้อมภาควัดปริมาณออกซิเจนในสมอง เป็นจำนวนเงิน 1,840,000 บาท โดยมี พล.ต.ต.เกษม รัตนสุมาวงศ์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เป็นประธานรับมอบเครื่องมือแพทย์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงชัย สิมะโรจน์ เหรัญญิกมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี โดยเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวจะนำไปใช้ในหอผู้ป่วย ไอ ซี ยู หัวใจและหลอดเลือด กลุ่มงานอายุรกรรม โดยพิธีรับมอบจัดขึ้น ณ ลานกิจกรรม ชั้น 2 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ

สำหรับเครื่องติดตามระบบพลศาสตร์การไหลเวียนในร่างกายผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องที่มีภาควัดปริมาณออกซิเจนในสมองเรียกว่า “มอนิเตอร์ตรวจวัดไหลเวียนโลหิต” (Continuous Hemodynamic Monitoring) หรือ “มอนิเตอร์ตรวจวัดการไหลเวียนโลหิต” โดยมักใช้เครื่องเรียกว่า “เครื่องติดตามการไหลเวียนโลหิต” (Hemodynamic Monitoring System) ซึ่งมีประโยชน์มากมายในด้านการรักษาพยาบาล อาทิ การติดตามความเสี่ยงและการประเมินทันที เครื่องติดตามการไหลเวียนโลหิตสามารถช่วยในการตรวจวัดและติดตามค่าต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด ทำให้ทีมแพทย์สามารถทราบถึงสถานะของผู้ป่วยและตอบสนองต่อการรักษาได้อย่างทันที

อีกทั้งยังสามารถคาดการณ์และประมาณค่าความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในสภาพการทำงานของร่างกาย ทำให้ทีมแพทย์สามารถเตรียมการและปรับปรุงการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยของผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา และแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ทีมแพทย์สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนการสร้างความสะดวกสบายของผู้ป่วย เครื่องติดตามการไหลเวียนโลหิตทำให้สามารถติดตามสถานะของผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องทำการตรวจวัดใหม่ทุกครั้ง ทำให้ลดความรบกวนและเพิ่มความสะดวกสบายในการดูแลผู้ป่วย นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร ลดการตรวจวัดและการรักษาซ้ำซ้อน ทำให้ทีมแพทย์สามารถให้การดูแลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.

“ห้าดาว” ธุรกิจแห่งโอกาส … “วลัยพร ช่วยยก” เดินหน้าอาชีพมั่นคงหนุนสร้างอาชีพชุมชน

“วลัยพร ช่วยยก” เจ้าของร้านจำหน่ายข้าว ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ทำเป็นธุรกิจครอบครัวมาหลายปี กระทั่งผันตัวเองมาเปิดร้านไก่ย่าง กับธุรกิจห้าดาว จากจุดเริ่มต้นที่ลูกชายของเธอชอบรับประทานไก่ย่าง ประกอบกับตัวเธอเองเป็นคนที่ใส่ใจกับเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว จึงตั้งมาตรฐานกับอาหารสำหรับครอบครัวไว้ค่อนข้างสูง ไม่ใช่จะทานอะไรก็ได้ ดังนั้นเนื้อไก่ที่ลูกทานก็ต้องเป็นไก่ที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย ซึ่งแบรนด์เดียวที่เธอมั่นใจคือ “ไก่ย่างห้าดาว”

วลัยพรไม่รีรอที่จะติดต่อส่วนกลางของธุรกิจห้าดาวผ่านเบอร์ 02-800-8000 จากนั้นทีมงานห้าดาวในพื้นที่นครศรีธรรมราช ก็ติดต่อกลับเธอในทันที ตั้งแต่เข้ามาช่วยหาพื้นที่ในการเปิดร้าน การดูทำเลร้าน รวมถึงประสานงานกับพื้นที่ จนในที่สุดร้านห้าดาวสาขาแรก ที่หน้าร้านเซเว่นเปิดใหม่ หน้าอบต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงเริ่มต้นเปิดร้านในเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบกลาสเฮ้าส์ ที่ทันสมัย มีที่นั่งในร้านอย่างสะดวกสบาย จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก สาขานี้ขายดีอย่างที่ตั้งเป้าไว้

“ตอนที่เริ่มเปิดสาขาแรก ก็ไม่คิดว่าจะทำจริงจังขนาดนี้ แค่อยากให้เป็นธุรกิจเสริมเพื่อให้ลูกได้ทานไก่ย่างที่ได้มาตรฐาน แต่เวลาทำอะไรเราทุ่มเทอยู่แล้ว โดยเริ่มลงทุนทำเองตั้งแต่เริ่มต้น ทางห้าดาวให้ไปเรียน 5 วัน โดยให้ทีมงานไปด้วย 1 คน ได้เรียนรู้รูปแบบธุรกิจ การบริหารร้าน การจัดการสินค้า เทคนิคการขาย จากนั้นก็ลงมือเองทุกอย่าง เพื่อให้เราทำเป็นและในที่สุดคือสอนงานทีมงานได้ หลังจากใช้เวลาเรียนรู้ จนทีมงานพร้อมและทำได้เหมือนเรา หลังจากนั้นก็ปล่อยมือให้เขาทำกันเอง โดยเราดูแลให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด และย้ำกับทีมงานตลอดว่าต้องขายสินค้าที่ดี อร่อย และต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอ” วลัยพร กล่าว

เมื่อร้านแรกไปได้สวย จากนั้นร้านสาขาที่ 2 ก็ตามมา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพราะอยากให้ลูกทานไก่มาตรฐานเท่านั้น แต่วลัยพรกับสามีคิดตรงกันว่า การลงทุนทำร้านอย่างน้อยก็เป็นการสร้างงานในคนพื้นที่ ให้มีรายได้ มีงานทำ และยังทำให้คนในชุมชนได้รับประทานอาหารที่มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อมีพื้นที่เหมาะสม เธอจึงเปิดร้านอีกสาขาใกล้บ้าน จากแนวคิดที่ว่าหากซื้อบ้านหลังละล้านกว่าบาท แล้วให้คนมาเช่าก็จะได้ค่าเช่าเดือนละ 3-4 พัน แต่ถ้ามาลงทุนกับร้านห้าดาวหรือซุ้มไก่ย่าง ก็ยังมีกำไรหมุนเวียนต่อเนื่อง

“จากร้านห้าดาวร้านแรก ใช้เวลาเพียง 1 ปี 3 เดือน ในการขยายสู่ร้าน 11 สาขาในวันนี้ ทั้งสาขาที่นครศรีธรรมราช 10 สาขา และขยายสาขาไปที่พัทลุงอีก 1 สาขา ไปทำที่บ้านเกิดของเรา เพราะอยากให้มีร้านห้าดาว ให้คนในพื้นที่บ้านเราได้รับประทานอาหารที่มีมาตรฐาน และคนในชุมชนก็ได้มีงานทำด้วย ถือว่าเราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ทั้งเรื่องมาตรฐานอาหารที่ทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึง และการสร้างงานสร้างอาชีพด้วยธุรกิจห้าดาว” วลัยพร บอกอย่างมั่นใจ

สำหรับกุญแจของความสำเร็จ วลัยพรบอกว่า เกิดจากสินค้าที่มีมาตรฐานที่ดี ซึ่งตัวเธอมั่นใจกับซีพี เพราะเคยทำงาน FOOD Store ของข้าวตราฉัตร มานานกว่า 7 ปี เธอเชื่อมั่นในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท ที่มีการยกระดับมาตรฐานสินค้าที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งธุรกิจห้าดาวที่เป็นผู้นำในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหาร ที่มีการจัดการร้านและการจำหน่ายที่ดี ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นของบริษัท เมื่อผนวกกับการวางแผนการสั่งสินค้าที่เหมาะสม มีเทคนิคการขาย และการสร้างคนให้พร้อมในการทำงานเสมอ และเธอยังเข้าตรวจร้านทุกสาขา มีกล้องวงจรปิดที่สามารถสั่งการผ่านกล้องได้ ช่วยในการดูแลร้าน ดูการทำงานของทีมงานและลูกค้า ทำให้ธุรกิจทั้ง 11 สาขาของวลัยพรสำเร็จได้อย่างไม่ยาก

“ห้าดาวไม่ใช่แค่ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้เราเท่านั้น แต่ยังสร้างอาชีพให้คนในชุมชนอีกมากมาย ไม่เฉพาะร้านของเรา แต่หมายถึงธุรกิจแฟรนไชส์ห้าดาวทั่วประเทศ อีกกว่า 5,000 สาขา เชื่อว่าธุรกิจนี้จะกลายเป็นมรดกให้กับลูกๆได้ อย่างลูกคนโตอายุ 18 ปี ที่เริ่มเข้ามาเรียนรู้ธุรกิจต่อจากเราแล้ว ส่วนลูกคนเล็กอายุ 12 ปี ก็สนใจมาก โดยนำธุรกิจของแม่ ทั้งการบริหารงาน การดูแลการทำงานของทีมงาน ไปเสนอในวิชาเลือกธุรกิจที่โรงเรียน ถือว่าเป็นความภูมิใจของเขา สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจสิ่งที่ต้องมุ่งเน้น คือ ความจริงจังและซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่หวังกำไรอย่างเดียว ต้องเป็นผู้ให้คืนกลับสู่สังคมด้วย” วลัยพร กล่าวทิ้งท้าย.

AIS จัดงานประกาศรางวัล “Thailand Social AIS Gaming Awards 2024” ปีที่ 4

AIS ผนึกกำลังร่วมกับบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศรางวัลอันทรงเกียรติ “Thailand Social AIS Gaming Awards 2024” ต่อเนื่องปีที่ 4 ตอกย้ำเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทยในการเชิดชูบุคคลในวงการเกมและอีสปอร์ตที่มีผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียตลอดปีที่ผ่านมา สะท้อนเป้าหมายการทำงานที่มุ่งผลักดันให้อุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากลอันจะนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ 

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “นับเป็นปีที่ 4 ที่เราร่วมกันจัดงาน Thailand Social AIS Gaming Awards กับไวไซท์ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการยกย่องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนวงการเกมและอีสปอร์ตไม่ว่าจะเป็น ผู้ผลิตและจำหน่ายลิขสิทธิ์เกม ครีเอเตอร์ รวมถึงนักกีฬาอีสปอร์ต ที่ทำผลงานได้ดีบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียซึ่งนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องเกมและอีสปอร์ตเข้ามาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ พัฒนา Ecosystem ของอุตสากรรมให้ยกระดับสู่สากล สร้างโอกาสการเติบโตให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศต่อไป”

นายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อุตสาหกรรมเกมมีส่วนสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ เราอยากช่วยยกระดับของวงการเกมและอีสปอร์ตให้ทัดเทียมระดับสากล” โดยผลการตัดสินของรางวัล Thailand Social AIS Gaming Awards 2024 ในปีนี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในวงการเกมและอีสปอร์ต และโซเชียลมีเดียทั้ง 5 ท่าน ร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาพิจารณาผลรางวัล ได้แก่

คุณจารุพงษ์ โชติคุณากร Business & Partnership Lead for SHIN-A services & Maxion Tech
คุณเมธี ช่วยปู่ อาจารย์ประจำสาขาเกมและสื่อเชิงโต้ตอบคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ Founder & Creative Director บริษัท บั๊คบลิโอ สตูดิโอ จำกัด
คุณสักกพล สวาคฆพรรณ CEO, NEX Studio Production Registrar, Thailand Esports Federation (TESF) นายทะเบียนสมาคมอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย
คุณสินิทธ์ อาจหาญวงศ์ CEO & Co-Founder, SHIN-A Service
คุณอนุชิต เอี่ยมศรีอุไร CEO, Thisisgame Thailand
โดยได้แบ่งรูปแบบของเกณฑ์การตัดสินรางวัล ออกเป็น 2 รูปแบบ คือ Social Metric for Brand และ Social Metric for Creator ผ่าน 5 แพลตฟอร์มหลัก คือ Facebook, Instagram, TikTok, X และ YouTube และ ซึ่งในทุก ๆ ช่องทางจะมีน้ำหนักการให้คะแนนที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับปีนี้รางวัล Thailand Social AIS Gaming Awards 2024 แบ่งเป็น 7 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 41 รางวัล ดังนี้

กลุ่มที่ 1 : The Most Popular Game Publisher (14 รางวัล)

กลุ่มที่ 2 : The Most Popular Game Content Creator (8 รางวัล)

กลุ่มที่ 3 : The Most Popular eSports Player and eSports Club (9 รางวัล)

กลุ่มที่ 4 : The Most Popular Game Content Creator on Platform (1 รางวัล)

กลุ่มที่ 5 : The Most Popular Game Device and Gadget (7 รางวัล)

กลุ่มที่ 6 : The Most Popular AIS eSport Fanpage (1 รางวัล)

กลุ่มที่ 7 : Special Award (1 รางวัล)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการประกาศรางวัล Thailand Social AIS Gaming Awards 2024 ได้ที่ https://www.facebook.com/AISeSports

เมืองไทยประกันชีวิต พาสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับล่องเรือยอร์ชในกิจกรรม “เมืองไทย Smile Exclusive Dining on Pruek Cruise”

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยเมืองไทยสไมล์คลับ ร่วมกับ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) เชิญสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ระดับสถานะ The Ultimate ร่วมเดินทางสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับล่องเรือดินเนอร์ดื่มด่ำความงามของแม่น้ำเจ้าพระยาบนเรือยอร์ชส่วนตัวสุดหรู “พฤกษ์ครูซ” ในกิจกรรม “เมืองไทย Smile Exclusive Dining on Pruek Cruise”ณ ท่าเรือ ห้างสรรพสินค้า ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กใหญ่จุดเช็กอินยอดนิยม โดยมีนางสาวนิรัตน์ บูชาสุข           รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับและเปิดงาน พร้อมได้รับเกียรติจาก นางสาวอุมาพันธ์ เจริญยิ่ง นักวางแผนการเงิน CFP และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ“เทคนิคบริหารความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน” เพื่อส่งต่อความรักและความห่วงใย ผ่านการวางแผนทางการเงิน พร้อมกิจกรรมสุดประทับใจอีกหนึ่งไฮไลท์ด้วยดินเนอร์มื้อพิเศษเสิร์ฟแก่สมาชิกฯ ทุกท่าน และรับฟังดนตรีบรรเลงจากวง Trio Band ตลอดการล่องเรือดินเนอร์แม่น้ำเจ้าพระยา 

ทั้งนี้ สมาชิกฯ สามารถติดตามรายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรม Exclusive Event & Special Campaign และเอกสิทธิ์เฉพาะสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับระดับสถานะ The Ultimate และ Beyond Prestige ที่ให้สมาชิกฯ ได้เลือกอิ่มเอมเหนือระดับกับประสบการณ์สุดพิเศษเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องได้ที่ เว็บไซต์ www.muangthai.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร.1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ.

AIS จับมือ Apple ให้บริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 AIS ยกระดับ AIS Care+ บริการเสริมที่ช่วยดูแลสมาร์ทโฟนของลูกค้าไปอีกขั้นกับบริการ AIS Care+ with AppleCare Services โดย AIS และ Apple เปิดให้บริการเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่าด้วยความอุ่นใจสำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone กับ AIS เท่านั้นที่จะได้รับความพิเศษที่ดีที่สุด พร้อมดูแลปกป้องการใช้งาน iPhone ของลูกค้า ครอบคลุมตั้งแต่การดูแลความเสียหายตัวเครื่องทั้งตก แตก เครื่องพัง แบตเตอรี่เสื่อม ทุกด้านได้ไม่จำกัด มั่นใจได้ในบริการด้วยอะไหล่แท้ตามมาตรฐานจากแบรนด์ผู้ผลิต สะดวกสบายด้วยบริการรับส่งเครื่องถึงบ้าน พร้อมสามารถเข้าใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการ Apple ทั่วโลก

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “นอกเหนือจากการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลผ่านการใช้งานบนโครงข่ายที่ดีที่สุดแล้ว AIS ยังให้ความสำคัญกับงานบริการและการดูแลลูกค้าแบบ End to End ที่ครบจบในที่เดียว อย่างการเปิดตัวนวัตกรรมการให้บริการลูกค้า AIS Care+ ที่เราได้ร่วมมือกับโบลท์เทค หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านบริการดูแลสมาร์ทโฟน (Device protection) ระดับโลก ในการให้บริการเครื่องรูปแบบใหม่ ทั้งการเปลี่ยนเครื่องหรือดูแลความเสียหายตัวเครื่อง ที่สร้างความแตกต่างเป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งได้พลิกโฉมประสบการณ์ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีที่สุดจากการดูแลปกป้องการใช้งานสมาร์ทโฟน

สำหรับครั้งนี้เราตั้งใจยกระดับสุดยอดประสบการณ์ในการดูแลลูกค้า ผ่านการทำงานร่วมกับ Apple เปิดตัวบริการใหม่ AIS Care+ with AppleCare Services สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone กับ AIS และสมัครบริการ จะได้รับการดูแลแบบคูณ 2 ทั้งจาก AIS Care+ และ AppleCare Services พร้อมแก้ Pain Point ของลูกค้าให้หมดความกังวลจากการใช้งานทั้งเรื่องเครื่องเสีย จอแตก ตกน้ำ และดูแลความเสียหายตัวเครื่องได้ไม่จำกัดครั้ง และสามารถใช้บริการได้ไม่จำกัดครั้งเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถรับความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ Apple ทั่วโลก ด้วยราคาพิเศษสุดคุ้มที่สามารถเข้าถึงบริการที่ดีที่สุดของเราได้”

บัลเดฟ ซิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบลท์เทค กล่าวว่า “นับเป็นความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเพราะ AIS และ Apple เป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง เราหวังว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะช่วยขยายขีดความสามารถงานบริการเพื่อดูแลปกป้องการใช้งานมือถือและสมาร์ทโฟน ด้วยการนำเสนอทางเลือก ความสะดวกสบาย ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า”

สำหรับบริการ AIS Care+ with AppleCare Services เป็นบริการที่รวมทุกการดูแลแบบคูณ 2 ทั้งจาก AIS Care+ และ AppleCare Services มาไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ความอุ่นใจและความสะดวกสบายให้ลูกค้ากับโปรแกรมที่ช่วยดูแล iPhone ที่ครอบคลุมครบวงจร ซึ่งความร่วมมือกับ Apple จะทำให้ลูกค้าได้รับความมั่นใจว่า iPhone ของลูกค้าจะได้รับการดูแล แก้ไข ซ่อมแซม ด้วยอะไหล่แท้จากช่างผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการของ Apple หรือ เครื่องที่ให้บริการแลกเปลี่ยน หรือ รับเครื่องทดแทน ลูกค้าจะได้รับตัวเครื่องจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง (Apple Manufactured Guaranteed Device) รวมถึงลูกค้าจะยังได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า อาทิ

บริการดูแลตัวเครื่องที่ครอบคลุมความเสียหายทุกด้าน มากที่สุดเท่าที่ผู้ให้บริการด้านนี้มีในตลาด โดยไม่มีข้อจำกัด อาทิ จอแตก เครื่องตกน้ำ ลำโพงดับ ไมค์ไม่ได้ยิน เครื่องเสีย รวมถึงการดูแลแบตเตอรี่คุณภาพความจุต่ำกว่า 80%
บริการเปลี่ยนเครื่องเมื่อใดก็ได้ที่อยากเปลี่ยน หรือ เครื่องเสีย แต่ไม่อยากส่งซ่อม หรือ บริการรับเครื่องทดแทนแม้ไม่มีเครื่องเดิมมาเปลี่ยนสิทธิพิเศษในการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple ผ่านทางแชทหรือโทรศัพท์ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ลูกค้า AIS ที่ซื้อ iPhone ทุกรุ่น สามารถสมัครบริการ AIS Care+ with AppleCare Services เพื่อรับความพิเศษกว่าใครได้ทันทีหลังจากซื้อเครื่องใหม่ หรือภายใน 30 วัน นับจากวันที่ซื้อเครื่อง และไม่ต้องตรวจสอบตัวเครื่อง โดยบริการ AIS Care+ with AppleCare Services มีแพ็กเกจให้เลือกทั้งแบบรายเดือนหรือเหมาจ่าย 12 เดือน และดูแลต่อเนื่องนานสูงสุด 48 เดือน โดยลูกค้าสามารถสมัครบริการได้ที่ร้านเอไอเอสช้อป, ร้านเอไอเอส-เทเลวิซ, รวมถึงร้านพันธมิตรอย่าง Jaymart, TG Fone, iStudio จาก COPPERWIRED, SPVi และ UFicon หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/service/aiscare-applecare/

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone และสมัคร AIS Care+ ระหว่างวันที่ 22 กันยายน 2566 – 20 มีนาคม 2567 สามารถเปลี่ยนมาใช้บริการแพ็กเกจใหม่ AIS Care+ with AppleCare Services เพียงยืนยันสิทธิ์ด้วยตัวเอง โดยกด 5344# โทรออก ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 – 30 เมษายน 2567

เมืองไทยประกันชีวิต พาคณะผู้สูงอายุเที่ยวงาน “101 ปี พระราชวังพญาไท” 

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ และนาวาโทหญิง ชูจิต จิตต์แก้ว หัวน้าสำนักงาน มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท นำคณะผู้สูงอายุจากเขตห้วยขวาง และโรงเรียนผู้สูงอายุเขตดินแดง ร่วมกิจกรรม ชมงาน “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM ถือเป็นมิติใหม่ของพระราชวังพญาไทในรูปแบบ “พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน” (NIGHT MUSEUM) เป็นครั้งแรกในไทย  ตอกย้ำนโยบายการยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลของมิติสังคม (Society) เพื่อการสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืน โดยเฉพาะมิติสังคมผู้สูงวัยที่มีความสำคัญในปัจจุบัน

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าวได้แสดงถึงความมุ่งมั่นขององค์กร ในการให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ตลอดจนเป็นกำลังใจและสนับสนุนการใส่ใจในการดูแลผู้สูงอายุผ่านกิจกรรมเพื่อสร้างความสุขและเสริมสร้างรอยยิ้มให้กับผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องในชุมชน  การเชื่อมโยงกับกิจกรรมที่มีความหมายและทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเชื่อมต่อกับชุมชนและสังคมมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างสังคมที่เป็นกันเองและร่วมมือกันให้เกิดความเติบโตและความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนและสังคม