Home Blog Page 47

AIS Business เปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ สู้ภัยไซเบอร์ สร้างความปลอดภัยให้ลูกค้าองค์กร

พบอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลกเดือนมี.ค. 2563 เพิ่มสูงขึ้น 37% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.

มีองค์กรและธุรกิจที่ Work From Home ถูกโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้นกว่า 127%

คาดว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลกจะสร้างความเสียหายมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2021

เตรียมพร้อมธุรกิจไทย รับ New Normal หลังวิกฤตโควิด-19

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ การโจมตีหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยมีกลุ่มองค์กรและภาคธุรกิจเป็นเป้าหมายหลัก ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกองค์กรให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซึ่งบางครั้งต้องเข้าสู่ระบบของบริษัท ทำให้เป็นช่องโหว่ให้เกิดภัยไซเบอร์ตามมา

ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส

ขณะเดียวกัน ภาครัฐได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความปลอดภัยมั่นคงไซเบอร์ พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เพื่อให้องค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะองค์กรที่อยู่ในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ประกอบด้วย กลุ่มความมั่นคงและบริการภาครัฐ, กลุ่มการเงิน, กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม, กลุ่มการขนส่งและโลจิสติกส์, กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค และกลุ่มสาธารณสุข ให้ความสำคัญต่อการจัดระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการดูแลความปลอดภัยข้อมูล ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

AIS Business จึงได้พัฒนาโซลูชั่นและบริการ AIS Cyber Secure เพื่อดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ ด้วยการเปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ CSOC ขึ้น โดยร่วมมือกับ Trustwave บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ อันดับต้นของโลก พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้าน Cyber Security ของเอไอเอสในการดูแลความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับลูกค้าเอไอเอสทั้งฐาน ตลอดจนเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจจับ แจ้งเตือน และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกองค์กรสามารถเดินหน้าทำงาน ทำธุรกิจ ได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวลเรื่องภัยไซเบอร์

นอกจากนี้ กลุ่มบริการ AIS Cyber Secure ยังมีหลายหลายโซลูชันส์ที่พร้อมประยุกต์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละองค์กร ดังนี้

• Enterprise Mobility Management เครื่องมือช่วยบริหารจัดการการใช้งานบนมือถือให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท

• Network Firewall เครื่องมือ Firewall ที่เชื่อถือได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ

• IT Log Management ศูนย์รวมการจัดเก็บข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตตามกฎหมาย

• Vulnerability Assessment & Penetration Testing ค้นหาช่องโหว่และจุดอ่อนใน Network ขององค์กร พร้อมทำหน้าที่เสมือนเป็นแฮกเกอร์เพื่อวินิจฉัยช่องโหว่ที่อาจมีอยู่ เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลและป้องกันจากแฮกเกอร์

สำหรับลูกค้าองค์กร ภาคธุรกิจ และเอสเอ็มอี ที่สนใจใช้บริการ AIS Cyber Secure รวมถึงบริการอื่นๆ ของ AIS Business สามารถติดต่อได้ที่ทีมงานของ AIS ที่ดูแลลูกค้าองค์กร หรือที่เว็บไซต์ https://business.ais.co.th/solution/security.html

มอบเงินช่วยเหลือคุณตาบุญส่ง อสม.ที่เสียชีวิตในหน้าที่

บีทีเอสกรุ๊ป เดินหน้าให้กำลังใจ ครอบครัวคุณตา อสม. ที่สุพรรณบุรี ถือเป็น อสม. รายแรกที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทบีทีเอส และ นายแพทย์ ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนนักรบเสื้อขาวสู้ภัย COVID-19 แพทย์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทบีทีเอส เดินทางไปร่วมแสดงความเสียใจ และให้กำลังใจแก่ครอบครัว เจ้าหน้าที่ อสม. นายบุญส่ง มะนาวหวาน อสม. อายุ 72 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ และเสียสละ ขณะจะนำหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือไปแจกแก่ชาวบ้าน

โดยมี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนมอบเงิน จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ นางประเสริฐ มะนาวหวาน ภรรยาผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นายรังสิน กฤตลักษณ์ ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี

“วิกฤตการณ์ โควิด-19 ครั้งนี้ รัฐบาลก็ทำดีมากแล้ว ท่านนายกฯ ก็เต็มที่กับเรื่องนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งนักรบชุดขาวก็เสียสละมาโดยตลอด พวกเราทุกๆ ฝ่าย ได้คำนึงถึงท่านมาโดยตลอด กระผมในนามเอกชนก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม ขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ขวัญกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นมาก ช่วยให้เขามีพลังไปต่อสู้”

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ ได้มอบ 1.กรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับแพทย์และพยาบาล จำนวน 50,000,000 บาท 2.กรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับผู้ช่วยพยาบาล เทคนิคการแพทย์และรังสีเทคนิค จำนวน 10,000,000 บาท และ 3.กองทุนสนับสนุนและเยียวยาให้แก่อสม. จำนวนเงิน 10,000,000 บาท ที่บีทีเอสกรุ๊บให้การช่วยเหลือ ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ลุงบุญส่งถือว่าเป็น อสม. รายแรกที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่

ก่อนหน้านี้ เฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสแสดงความเสียใจเมื่อทราบข่าวว่า ลุงบุญส่ง อสม.เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะขี่จักรยานยนต์เพื่อไปนำเจลล้างมือ และอาหารไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านที่เดือดร้อน

แอร์เอเชีย กลับมาเปิดบิน 1 พ.ค. พร้อมเปิดตัวชุดแอร์โฮสเตสเวอร์ชั่นสู้โควิด-19

สตาร์เกต พีเพิล เอเชีย” นิตยสารชื่อดังของฟิลิปปินส์ รายงานว่า สายการบินแอร์เอเชีย ได้เปิดตัวชุดที่สวมใส่เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสวิด-19 สำหรับลูกเรือหรือแอร์โอสเตสของสายการบินแอร์เอเชีย ออกแบบโดย “Puey Quinones” นักออกแบบแฟชั่นชื่อดังจากลอสแอนเจลิส

การปรับโฉมชุดลูกเรือนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของสายการบินแอร์เอเชียที่กำลังเตรียมการกลับมาเปิดบินอีกครั้ง โดยแอร์เอเชียได้กำหนดให้ลูกเรือของสายการบินทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศ สวมใส่ชุดป้องกันนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานด้านสาธารณสุขและหน่วยงานด้านการบินอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19

ขอบคุณ ภาพจากเฟสบุ็ค Tommies Away G Pongsiri

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า สายการบินตัดสินใจเริ่มกลับมาให้บริการเส้นทางในประเทศอีกครั้ง ตั้งเเต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีความจำเป็นในการเดินทาง ทั้งการกลับบ้านหรือภาคธุรกิจ โดยสายการบินได้ประชุมร่วมกับสำนักงานกรมการบินพลเรือนเเห่งประเทศไทย เเละสายการบินต่างๆ เพื่อเริ่มบินบางเส้นทางภายในประเทศ อาทิ เส้นทางดอนเมืองสู่ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนเเก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม ร้อยเอ็ด นครศรีธรรมราช ตรัง หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี และเส้นทางข้ามภาค เชียงใหม่-หาดใหญ่ เป็นต้น ทั้งนี้สายการบินจะอัพเดตให้ทราบเส้นทางต่างๆ เพิ่มเติม ผ่านเฟซบุ๊กแอร์เอเชียต่อไป

ทั้งนี้ สายการบินแอร์เอเชีย ได้กำหนดมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันเเละลดโอกาสการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ดังต่อไปนี้

  1. การเว้นระยะห่างผู้โดยสารบนเครื่อง เเบบที่นั่งเว้นที่นั่ง โดยสายการบินจะจำหน่ายเเละควบคุมปริมาณที่นั่งในการเดินทางที่เหมาะสมในทุกเที่ยวบินตามข้อกำหนด รวมทั้งการกำหนดจุดยืนเว้นระยะห่างในรถบัสรับส่ง เเละเคาน์เตอร์บริการต่างๆ
  2. การกำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทาง จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อใช้บริการ
  3. การงดจำหน่าย รวมทั้งไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารเเละเครื่องดื่มบนเครื่อง 
  4. การกำหนดมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่รัดกุมร่วมกับท่าอากาศยาน การตรวจวัดอุณหภูมิที่ประตูขึ้นเครื่อง ทั้งนี้ หากพบว่าผู้โดยสารมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.3 องศาเซลเซียส มีอาการไอ จาม หรือเข้าข่ายผู้ต้องเฝ้าระวัง สายการบินอาจจำเป็นต้องปฏิเสธการเดินทางนั้น
  5. อนุญาตให้นำเฉพาะกระเป๋าถือหรือกระเป๋าคอมพิวเตอร์ น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัมขึ้นเครื่องได้ 1 ใบเท่านั้น โดยมีขนาดไม่เกิน สูง 40 ซม. X กว้าง 30 ซม. X ลึก 10 ซม. ส่วนสัมภาระอื่นที่มีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม สามารถโหลดลงใต้ท้องเครื่องได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  6. แนะนำให้ผู้โดยสารทุกคนเช็คอินด้วยตนเองผ่านเว็บ โมบาย หรือคิออสเช็คอิน เพื่อลดโอกาสสัมผัส สำหรับผู้โดยสารกับพนักงานผู้ให้บริการ

นอกจากนี้ ลูกเรือที่ปฏิบัติหน้าที่บนเที่ยวบิน รวมถึงพนักงาน จะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายในทุกๆ ครั้ง ก่อนเเละหลังการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงจะสวมอุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ หน้ากากอนามัย แว่นตา และถุงมือ ตลอดการให้บริการ

ทั้งนี้ สายการบินแอร์เอเชียยังคงกำหนดมาตรการทำความสะอาดเเละฆ่าเชื้อทั้งภายในเครื่องบิน รถบัสขนส่ง เคาน์เตอร์บริการเเละตู้คีออสเช็คอินตามมาตรฐานเป็นประจำทุกวัน การพ่นและอบสเปรย์ฆ่าเชื้อ รวมทั้งมั่นใจด้วยระบบกรองอากาศที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่า 99.99% ด้วย HEPA FILTER ในเครื่องบินทุกลำ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนเดินทางได้อย่างมั่นใจสูงสุดกับแอร์เอเชีย

เปิดแผนปลดล็อดสถานประกอบการ จัดลำดับเรียงตามความเสี่ยงของพื้นที่และประเภท

คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชน ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการมาเปิดธุรกิจ ได้จัดทำ “คู่มือเตรียมความพร้อมการเปิดสถานประกอบการภายใต้สถานการณ์ COVID-19”

โดยพิจารณาความเสี่ยง แบ่งตาม สถานประกอบการ และ พื้นที่ รวมทั้งข้อปฏิบัติพื้นฐานที่สถานประกอบการต้องปฏิบัติตาม โดยจะมีการจัดทำคู่มือการปฏิบัติสำหรับสถานประกอบการแต่ละประเภท

เกณฑ์การจัดระดับความเสี่ยง พิจารณาจำแนกตามสถิติการแพร่ระบาดของแต่ละพื้นที่จังหวัด แบ่งกลุ่มเป็นจังหวัดที่มีความเสี่ยงต่ำ ปานกลางและสูง

สำหรับความเสี่ยงของสถานประกอบการ แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่ำ ปานปลางและสูง ซึ่งสำหรับสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูงไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ หรือปานกลางก็ตาม

เกณฑ์ที่ใช้ในการจัดระดับความเสี่ยงของกิจกรรมต่างๆ มี 4 องค์ประกอบ คือ ความหนาแน่นของผู้คนที่มาร่วม ระยะเวลาที่ใช้ กิจกรรมที่ผู้คนทำ และการระบายอากาศ

สำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ ต้องอยู่ห่างกันมากกว่าหรือเท่ากับ 1 เมตร ใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยกว่า 30 นาที มีการพูดคุยธรรมดาไม่มาก และเป็นสถานที่เปิดไม่ติดแอร์ อากาศสามารถ่ายเทได้ดี

กิจกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลาง มีระยะห่างของคนน้อยกว่า 1 เมตร แต่ไม่เบียดเสียด ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน 30 นาที- 1ชั่วโมง มีการส่งเสียงพูด ร้องตะโกนเป็นบางช่วง และสถานที่ปิด หรือติดแอร์ การระบายอากาศเพียงพอ

กิจกรรมที่มีความเสี่ยงมาก มีการเบียดเสียด ห่างกันน้อยกว่า 30 เซนติเมตร ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากกว่า 1 ชั่วโมง มีการส่งเสียงพูด ร้อง ตะโกน เดือบตลอดเวลา และเป็นสถานที่ปิด หรือ ติดแอร์ การระบายอากาศไม่เพียงพอ

เมื่อจัดระดับความเสี่ยงแล้ว จึงจำแนกกลุ่มสถานประกอบการแต่ละกลุ่มที่สามารถเปิดได้ และบางประเภทไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ คือ

กลุ่มความเสี่ยงต่ำที่สุด เป็นสถานประกอบการขนาดเล็ก อยู่ที่โล่งแจ้ง มีลักษณะเป็นหาบเร่ แผงลอย หรือไม่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง

กลุ่มความเสี่ยงต่ำ สถานประกอบการขนาดเล็ก ติดแอร์ หรือ ไม่ติดแอร์ ไม่มีการสัมผัสตัว เช่น ร้านขายหนังสือ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของทั่วไป ร้านขายวัสดุก่อสร้าง สวนสาธารณะ สนามออกกำลังกายกลางแจ้ง ลานกีฬา เช่น สนามเทนนิส

กลุ่มความเสี่ยงปานกลาง จำแนกเป็น สถานที่รวมร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดอาหาร ฟู้ดเซ็นเตอร์ สถานประกอบการขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าโมเดิร์นเทรด คอมมูนิตี้มอลล์ เป็นต้น สถานประกอบการขนาดเล็ก ติดแอร์ มีการสัมผัสตัว เช่น ร้านทำตัดผม คลีนิคความงาม คลีนิคแพทย์ คลืนิคทำฟัน สนามกีฬาบางประเภท มีพื้นที่ห่างกัน ที่มีการระบายอากาศ เช่น สนามแบตมินตัน สระว่ายน้ำ

กลุ่มความเสี่ยงสูง จำแนกเป็น สถานประกอบการขนาดเล็กติดแอร์ แต่มีการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ เช่น ร้านเกมส์ ร้านอินเตอรเ์น็ต  สถานประกอบการที่อยู่ในห้องแอร์ แต่มีลักษณะผู้ใช้บริการต้องนั่งอยู่เป็นเวลานาน ๆ 1-2 ชั่วโมง เช่น โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพอื่น ร้านนวด สถานประกอบการท่ีมีการชุมนุมผู้คนจำนวนมากและอยู่ในสถานที่ปิด เช่น ศูนย์แสดงสินค้า ศูนยป์ระชุม ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ สถานประกอบการที่ชักนำให้มีการเคลื่อนที่ของคนข้ามพื้นท่ี เช่น สถาบันกวดวชิา สถานประกอบการท่ีมีการชุมนุมจำนวนมากอยู่ในสถานที่เปิดแต่ชวนให้ส่งเสียงดังตะโกนเชียร์ เช่น สนามกีฬา และ สถานประกอบการท่ีมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อ เนื่องจากมีพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท มีกิจกรรมที่มีการส่งเสียง ตะโกน เชียร์ ผับ บาร์คาราโอเกะ สนามมวย โรงสอนมวย สนามกฬีาในห้องแอร์

และกลุ่มสุดท้าย ที่มีความเสี่ยงสูง จะไม่ได้รับการพิจารณาเปิดดำเนินการ จนกว่าจะมีมาตรการหรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าปลอดภัย ถึงค่อยทบทวนให้สามารถเปิดบริการได้

ทั้งนี้ สำหรับสถานประกอบการที่สามารถเปิดบริการได้ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดทำคู่มือสำหรับสถานประกอบการรายประเภท ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และต้องลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อแจ้งว่า ได้ดำเนินการเรียบร้อย ตามข้อปฏิบัติพื้นฐานและคู่มือสำหรับสถานประกอบการแล้ว จากนั้นถึงจะเปิดดำเนินการตามมาตรการป้องกัน รวมถึงจัดระบบลงทะเบียนสำหรับสถานประกอบการ

FIT Auto ทำความสะอาดฆ่าเชื้อห้องโดยสารรถให้บุคคลากรทางแพทย์ ฟรี

ขยายเวลาเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ COVID-19 ภายในห้องโดยสารและจุดสัมผัสสำคัญ จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ตามเงื่อนไข

บริการด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของ Benzalkonium Chloride (BKC)

• สามารถยับยั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส
• ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
• สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ไม่ทำลายจุดต่างๆในรถ
• กลิ่นหอมจางๆ ไม่มีกลิ่นฉุนกวนใจ
• พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยต่อผิวหนัง

เงื่อนไขการรับบริการเช็ดทำความสะอาดเชื้อไวรัสโควิด-19

1.บุคลากรทางการแพทย์ : รับบริการฟรี! โดยไม่ต้องมียอดค่าใช้จ่าย เพียงแสดงหลักฐานการเป็นบุคลากรทางการแพทย์

2.ลูกค้าทั่วไป : รับบริการฟรี! เมื่อมียอดซื้อสินค้าหรือใช้บริการ (ไม่มีกำหนดขั้นต่ำ)

จำกัด 180 ท่านแรก ของแต่ละสาขา นับรวมลูกค้าทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์
• สำหรับลูกค้าทั่วไปเมื่อมียอดซื้อหรือใช้บริการที่ FIT Auto ในช่วงระยะเวลาการรับสิทธิ์ กรณีที่สิทธิ์สาขานั้นๆคงเหลือ สามารถรับสิทธิ์ฟรี 1 ครั้ง/ใบเสร็จ/ราย โดยไม่มียอดขั้นต่ำในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการโดยจะต้องใช้สิทธิ์ที่สาขาและเป็นวันที่เดียวกันกับที่ระบุบนใบเสร็จเท่านั้น
• บุคลากรทางการแพทย์ รับสิทธิ์ฟรี โดยไม่มีต้องมียอดค่าใช้บริการ จำกัด 1 สิทธิ์/ท่าน โดยต้องแสดงบัตรเพื่อแสดงว่าเป็นบุคคลากรทางการแพทย์จริง
• ขอสงวนสิทธิ์บุคลากรทางการแพทย์เฉพาะ แพทย์, ทันตแพทย์, เภสัชกร, พยาบาลวิชาชีพ, พยาบาลเทคนิค, นักเทคนิคการแพทย์, นักรังสีการแพทย์ เท่านั้น
• ไม่สามารถจองสิทธิ์การเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อผ่านทาง online ได้
• สามารถโทรสอบถามสาขาเพื่อตรวจสอบจำนวนสิทธิ์คงเหลือ ของแต่ละสาขาก่อนเข้ารับบริการได้
• จำนวนสิทธิ์เช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อ COVID-19 คงเหลือ ณ วันที่ 24 เมษายน 2563 เช็กได้ที่ https://www.pttfitauto.com/th/promotions/158763511413140
• เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด และการตัดสินสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด

คลอดประกันรถแบบใหม่ แบบรายวัน/เดือน/ไตรมาส

คปภ. คลอดประกันภัยรถยนต์แบบใหม่ มีทั้งแบบจ่ายเบี้ยประกันรายวัน/รายเดือน/รายไตรมาส เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชนยุคโควิด-19 ระบาด

พร้อมออกมาตรการด้านประกันภัยช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ. ออกมาตรการด้านประกันภัยเพื่อข่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยให้ใช้แบบ ข้อความกรมธรรม์ประกันภัย และพิกัดอัตรา เบี้ยประกันภัยรถยนต์แบบรายวัน รายเดือน รายไตรมาส หรือระยะยาว เพื่อผ่อนผันเงื่อนไขและอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยอนุญาตให้บริษัทประกันภัยคิดอัตราเบี้ยประกันภัยเป็นแบบรายวัน รายเดือน หรือรายไตรมาส และใช้อัตราเบี้ยประกันภัยระยะสั้น

รวมทั้งกำหนดทางเลือกให้บริษัทประกันภัยคิดเบี้ยประกันภัยแบบเฉลี่ยรายวันได้ ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เอาประกันภัยที่จะสามารถทำกรมธรรม์ประกันภัยให้สอดคล้องกับการใช้รถ โดยผู้เอาประกันภัยอาจตกลงกับบริษัทประกันภัยจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ระยะสั้น ปรับเปลี่ยนกรมธรรม์ประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงภัย และเลือกชำระเบี้ยประกันภัยตามความสามารถ รวมถึงเลือกความคุ้มครองตามระยะเวลาที่ต้องการ

นอกจากนี้ บริษัทอาจออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ระยะยาวให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยกรมธรรม์ประกันภัยมีระยะเวลาเอาประกันภัยเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี และใช้เบี้ยประกันภัยพื้นฐานเดียวกันตลอดระยะเวลาคุ้มครอง โดยปีที่ 2 และปีที่ 3 ใช้เบี้ยพื้นฐาน 95% และ 85% ของปีที่ 1 ตามลำดับ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ของผู้เอาประกันภัยที่ต้องการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ระยะยาวได้ รวมถึงบริษัทอาจออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ ที่มีระยะเวลาเอาประกันภัยเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี โดยให้ใช้อัตราเบี้ยประกันภัยแบบเฉลี่ย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทำให้อัตราเบี้ยประกันภัยไม่เพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลาเอาประกัน

ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้สำหรับการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน- 31 ธันวาคม 2563

นอกจากนี้ ยังได้ออกคำสั่งเรื่อง ระงับความคุ้มครองชั่วคราวตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยไม่เรียกเก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ไว้กับบริษัทประกันภัย แต่มีเหตุจำเป็นต้องหยุดประกอบธุรกิจเป็นการชั่วคราว อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้ประกอบธุกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สามารถขอระงับความคุ้มครองชั่วคราวตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ระหว่างหยุดประกอบธุรกิจได้ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และให้บริษัทเปลี่ยนแปลงวันสิ้นสุดความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดกรมธรรม์ออกไปตามระยะเวลาที่มีการระงับความคุ้มครอง โดยกำหนดให้ไม่เรียกเก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563

สาธารณสุข กำหนดแนวทางผ่อนปรนให้ คลินิกความงาม -นวดสปา-สถานบริการ กลับมาเปิดบริการ

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า หากมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มสถานการณ์โควิด-19 ในส่วนของคลินิกความงาม ต้องมีการกำหนดมาตรการ ประกอบด้วย

ช่วงก่อนเปิดบริการ แบ่งเป็น 3 ส่วน

  • ส่วนแรก สถานประกอบการ ต้องทำความสะอาด จัดสถานที่เว้นระยะห่าง จัดจุดพื้นที่ภายนอกหรือส่วนแยก (Isolate area) เพื่อคัดกรอง เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เพียงพอ
  • ส่วนที่สอง ผู้รับบริการ ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ ปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานพยาบาล
  • ส่วนที่สามผู้ให้บริการ ต้องจัดทำเวชระเบียนเพื่อซักประวัติผู้รับบริการ ให้บริการแบบ 1 คน ต่อแพทย์ พยาบาล 1 คนเท่านั้น และจัดเตรียมห้องทำหัตถการแยกห้องๆละ 1 คน

ส่วนช่วงให้บริการ เน้นการคัดกรองผู้รับบริการเป็นสำคัญ วัดอุณหภูมิต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส ล้างมือ และสวมหน้ากากตลอดเวลา ที่เข้ารับบริการ หากพบภาวะเสี่ยงต้องรายงาน และส่งต่อรักษาได้ทันที นอกจากนี้ ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หลังใช้งานและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ทำความสะอาดพื้นที่และจัดเก็บขยะทุกครั้ง

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ในส่วนกิจการสปานวดเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อเสริมความงามและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ต้องเตรียมสถานที่และบุคลากรในแนวทางเดียวกับคลินิกความงาม ดังนี้

  • คัดกรอง ซักประวัติ
  • เว้นระยะห่าง
  • จัดห้องนวด 1 คนต่อห้อง
  • ถ้าห้องรวมจะต้องเว้น หรือมีผ้าปิดกั้น
  • ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการนวดต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
  • ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลก่อน และหลังให้บริการ
  • แต่งกายรัดกุม ไม่ใช้สิ่งของ เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น
  • แม่บ้านทำความสะอาด ต้องจัดการขยะติดเชื้อแยกเฉพาะ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ทิชชูที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก จะต้องเก็บใส่ถุงมิดชิด

ทั้งนี้จะส่งให้แต่ละแห่งสำรวจความพร้อม ก่อนเปิดให้บริการ และจะส่งทีมเข้าตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้สร้างแพลตฟอร์ม THAISTOPCOVID (stopcovid.anamai.moph.go.th) คนไทยรวมพลังป้องกันโรค เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งร้านอาหาร โรงแรม ร้านเสริมสวย ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ประเมินความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ รวมทั้งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปตรวจสอบ และช่วยรายงานข้อมูลกลับมาด้วยว่าสถานประกอบการ แต่ละแห่งปฏิบัติตามมาตรการคัดกรอง เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนามาตรฐาน รองรับสถานบริการ และประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบด้วย

ปูนซิเมนต์ไทย กับโตโยต้าลิสซิ่ง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ขอเข้ากองทุนพยุงหุ้น

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Kamnoon Sidhisamarn ว่า “คำยืนยันจาก SCG และ TLT” ได้รับโทรศัพท์จากคุณประมนต์ สุธีวงศ์ เมื่อสักครู่นี้ คุยเรื่องข้อเสนอแนะหรือข้อสมมติที่ผมโพสต์เสนอไป 2 วันก่อนว่า ถ้าเป็นมหาเศรษฐีรายต้น ๆ ที่ได้รับจดหมายจากท่านนายกฯ จะเสนอตัวช่วยชาติเป็นปฐมด้วยการขอซื้อหุ้นกู้ที่บริษัทในเครือออกมา Rollover ก่อน “เป็นการส่วนตัว” ก่อนที่กองทุน BSF วงเงิน 4 แสนล้านบาท ธนาคารชาติตาม พระราชกำหนดจะเข้ามาช่วย

ท่านให้ความเห็นโดยสรุปว่า เชื่อว่าธนาคารชาติมีเจตนาดี ที่จะช่วยตั้งทำนบเป็นด่านสุดท้ายไว้ เพราะตลาดหุ้นกู้มีปัญหาทั่วโลก แต่ในทางปฏิบัติท่านเชื่อว่าบริษัทใหญ่ ๆ ในไทยจะพยายามช่วยตัวเองให้มากที่สุด ไม่ขอเข้าโครงการรับความช่วยเหลือจากกองทุน BSF ง่าย ๆ เพราะจะเป็นเครดิตของบริษัทเอง

ท่านยืนยันว่าได้รับทราบจากผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทที่ท่านเกี่ยวข้องอยู่ 2 บริษัท คือ ปูนซิเมนต์ไทย (SCG) และโตโยต้า ลิสซิ่ง (TLT) ที่หุ้นกู้จะครบกำหนดในปี 2563 นี้เป็นอันดับ 2 (มูลค่า 25,000 ล้านบาท) และ 3 (มูลค่า 20,720 ล้านบาท) ตามข้อมูลที่ก.ล.ต.เปิดเผยทั่วไป และคุณนวพร เรืองสกุลรวมทั้งสื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ (ตามภาพ) ว่า….

ทั้ง SCG และ TLT มีศักยภาพที่จะช่วยตัวเองได้ จะไม่ขอเข้าโครงการกองทุน BSF ของธนาคารชาติตามพระราชกำหนด

ผมก็ได้แต่เปล่งเสียงอนุโมทนาสาธุ และบอกว่าจะเป็นคุณูปการอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งและเป็นการนำตลาด สุดท้ายจะช่วยเซฟเงินของชาติ 4 แสนล้านบาท ไว้ให้ได้มากที่สุด ท่านอนุญาตให้ผมเปิดเผยข้อมูลที่คุยกันนี้ต่อสาธารณะได้ครับ กราบขอบพระคุณครับ และขอบพระคุณ SCG และ TLT มา ณ ที่นี้

ธอส.ออกมาตราการพักเงินต้น และดบ.ให้ลูกค้าเอสเอ็มอี สินเชื่่อแฟลตและ Pre Finance

นาย ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า คณะกรรมการธนาคารมีมติเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 เห็นชอบให้จัดทำ มาตรการที่ 7 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้า SMEs ผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ และผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย(Pre Finance) ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 100 ล้านบาท(วงเงินสินเชื่อรวมทั้งกลุ่มธุรกิจของลูกค้าที่มีกับธนาคารไม่เกิน 100 ล้านบาท) มีสถานะบัญชีปกติ และทำนิติกรรมภายในวันที่ 22 เมษายน 2563 ภายหลังจากการพักชำระหนี้ให้กลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเดิมโดยไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้หรือเสียประวัติข้อมูลเครดิต เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงาน

ส่วนดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ ธนาคารได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการชำระให้แก่ลูกค้า แบ่งเป็น กรณีสินเชื่อแฟลต ให้พักชำระดอกเบี้ยได้อีก 12 เดือน จากนั้นให้ทยอยชำระดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ภายใน 24 เดือน หรือ 36 เดือน ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ส่วนกรณีสินเชื่อพัฒนาโครงการ (Pre Finance) ให้ชำระในช่วงท้ายของสัญญากู้เงิน ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่านทาง www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2563

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้า มาตรการที่ 5 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักชำระให้ลูกค้าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลากู้ตามสัญญา ซึ่งเป็นมาตรการที่มีลูกค้าลงทะเบียนมากที่สุดถึง 197,907 บัญชี วงเงินกู้ 180,595 ล้านบาท ล่าสุดธนาคารยังให้สิทธิ์ในการเลื่อนระยะเวลาชำระค่าเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ประจำปี 2563 ซึ่งจะครบกำหนดการคุ้มครองตามกรมธรรม์เดิมในวันที่ 30 เมษายน 2563 โดยเลื่อนการชำระจากเดิมระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ไปเป็นระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 15 พฤศจิกายน 2563 และลูกค้าจะยังคงได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องในช่วงที่ธนาคารให้สิทธิ์เลื่อนระยะเวลาชำระค่าเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์

ขณะเดียวกันธนาคารยังอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เคยแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 พร้อมกับกดยอมรับข้อตกลงของมาตรการไปแล้ว หากต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนกลับไปผ่อนชำระตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้เดิมเนื่องจากรายได้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหา COVID-19 ให้สามารถกดยกเลิกมาตรการที่ 5 ได้ด้วยตัวเองผ่าน Application : GHB ALL โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขาภายในวันที่ 28 เมษายน 2563 เท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อกดยกเลิกมาตรการที่ 5 แล้วจะไม่สามารถเข้ามาตรการอื่น ๆ ของโครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ ได้ในภายหลัง ส่วนลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 แล้ว ต้องกดยอมรับข้อตกลงของมาตรการผ่าน Application : GHB ALL จึงถือเป็นการลงทะเบียนเข้ามาตรการโดยสมบูรณ์ และหลังจากปฏิบัติตามข้อตกลงของมาตรการแล้ว ธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ทั้ง 4 เดือน ในงวดสุดท้ายของสัญญากู้ต่อไป สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th

ซีพีเอฟ เปิดตัวอาหารกล่อง ราคาโดนใจ 20 บาท ลดภาระค่าครองชีพ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดตัวแคมเปญ “ลดจริง..ไม่ทิ้งกัน ช่วยค่าครองชีพ” ในร้านซีพีเฟรชมาร์ท ลดราคาข้าวกล่องเหลือ กล่องละ 20 บาท ช่วยแบ่งเบาภาระคนไทยช่วงวิกฤตโควิด19 ให้เข้าถึงอาหารคุณภาพดีในราคาประหยัดทั่วไทย

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมลดราคาพิเศษอาหารข้าวกล่องหลายเมนู เช่น ข้าวอกไก่ซอสจิ้มแจ่ว ข้าวผัดไก่ย่างซอสเกาหลี ข้าวอกไก่ย่างซอสเกาหลี ข้าวไก่สไปซี่ ข้าวตับกระเทียม และข้าวไข่เจียว จำหน่าย​ในราคา ​20 ​บาท​ เป็นอาหารคุณภาพ​มาตรฐาน​ส่งออก​ที่บริษัทผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับคนไทยให้ได้อาหารคุณภาพ​ดี​ อร่อยและปลอดภัยในราคาพิเศษสุด​ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาขนในช่วงโควิด​19 จำหน่ายใน ร้านซีพีเฟรชมาร์ท 147 สาขาทั่วกรุงเทพมหานครและภาคกลาง

“เราคัดเลือกสินค้าเป็นพิเศษ​ และข้าวกล่องหลายเมนูสามารถอุ่นร้อน​และทานได้ทันที​ จำนวน​1 ล้าน​กล่อง ​เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ​คนไทย”

นอกจากนี้​ ผู้​บริโภคยังจะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมอีก​5 บาท​ เมื่อซื้อครบ​ 5 กล่อง​และจ่ายเงินด้วย​ True​Wallet​ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย​ลดสัมผัส​จากการจ่ายเงินสด

ซีพีเอฟ​ ยังได้คัดเลือกสินค้าอาหารเป็นพิเศษ​โดยเน้นอาหารที่เป็น “ครัวของบ้าน” มาจำหน่ายในราคาพิเศษ ที่ร้าน​ซีพี​ เฟรชมาร์ท ​3​50​ สาขาทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการส่งมอบอาหารคุณภาพดีและปลอดภัยภายใต้ “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด19” ให้กับโรงพยาบาลของรัฐแล้ว 105 แห่ง ตลอดจนผู้เฝ้าระวังที่กลับจากประเทศเสี่ยงอีก 20,000 คน และยังคงเดินหน้า “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาล ครอบครัวแพทย์-พยาบาล” ซึ่งกำลังทยอยส่งมอบอาหารในขณะนี้จำนวน 30,000 คน