นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยอดเปิดบัญชีออนไลน์เพิ่มขึ้น 110,000 บัญชี หนุนจำนวนบัญชีลูกค้าที่เปิดบัญชีผ่านระบบดิจิทัลประมาณ 160,000 บัญชี (เดิมมี 5,000 บัญชี) และยังได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 60%
ส่วนการซื้อของออนไลน์ผ่านโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารกสิกรฯ เติบโตขึ้น 57% แต่การการใช้ตู้ ATM ลดลง 18% สะท้อนว่าคนเริ่มเปลี่ยนตัวเองสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น
ทั้งนี้พฤติกรรมใหม่ของประชาชนที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด (New Normal) ที่เกิดขึ้นทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มเห็นความไม่แน่นอนของรายได้ตนเอง และจะมีการเก็บออมมากขึ้น ส่วนภาคธุรกิจ จะมีโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนไป การใช้แรงงานจะลดลง ซึ่งช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสหนุนการใช้ระบบออโต้มากขึ้น ส่งผลให้ Supply Chain สั้นลง ทำให้แต่ละพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และอาจเกิดการย้ายฐานการผลิตมาอยู่ใกล้ผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มี New Normal เกิดขึ้นตามไปด้วย เห็นได้จากการชำระเงินแบบไร้การสัมผัสที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ในอนาคตธนาคารต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภค และ New Normal เช่น นโยบายพิจารณาสินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจอาจเปลี่ยนไปโดยธุรกิจที่ดีในอดีตอาจมีความน่าสนใจน้อยลง ขณะที่ธุรกิจที่ไม่มีความน่าสนใจในอดีตอาจจะมีความน่าสนใจขึ้น
นอกจากนี้ธนาคารยังต้องมุ่งหาการทำธุรกิจใหม่ๆ มากกว่าการทำธุรกิจธนาคาร ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ทั้งนี้ ธนาคารต้องเปลี่ยนวิธีทำงาน และเมื่อพ้นระยะนี้ไปต้องเร่งเพิ่มProductivity ด้วยการใช้เทคโนโลยี รีสกิลพนักงาน และลดต้นทุนในการบริการให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของยุควิกฤติ
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ KBANK ให้ความเห็นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดวิกฤต แต่ก็ทำให้เกิดวิถีชีวิต New Normal ซึ่งจะทำให้เกิดโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ จากวิกฤติดังกล่าวทำให้เห็นว่าแพลตฟอร์มออนไลน์เริ่มมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันมากขึ้น หากเราจับเทรนด์เกี่ยวกับแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ ก็จะเกิดธุรกิจใหม่ขึ้นและเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงจะเห็นว่าทุกวิกฤติจะมีโอกาสอยู่เสมอ อยู่ที่เราจะมองเห็นมันหรือไม่เท่านั้นเอง