ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ส.ค.63 ปิดที่ 1,337.35 จุด บวก 6.54 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 60,357.16 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 672.87 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 68.25 บาท ลบ 1 บาท, PTTEP ปิด 94.25 บาท บวก 4.75 บาท, PTT ปิด 39 บาท บวก 1 บาท, AOT ปิด 49.50 บาท ลบ 1.75 บาท, PTTGC ปิด 49.00 บาท บวก 1.75 บาท
มีแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ดันตลาดปรับขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกได้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นในภูมิภาค
ขณะที่ กนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตามตลาดคาด และยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากการประชุม คือ เศรษฐกิจไทยปี 63 แม้จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว MoM แต่ทั้งปียังหดตัว YoY โดยมีความกังวลจากการจ้างงาน, ท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้า โดยคาดจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี หรือปี 65 เป็นต้นไป กว่ากลับไปสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19
โดย กนง. เน้นว่ายังพร้อมใช้เครื่องมือทางนโยบายเพิ่มเติมหากจำเป็น และประเมินว่าแม้อัตราเงินเฟ้อปี 63 จะติดลบ แต่ปี 64 คาดว่า จะขยายตัวกลับมาเป็นบวก
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า สภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นระบบ ยังคงถูกแตะเบรก จากวิกฤติ COVID-19 ที่ขยายวงกว้าง และกลับมาแพร่ระบาดในเอเชียอีกครั้ง รวมถึงประเด็นการทบทวนข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ส.ค.63
ความเสี่ยงดังกล่าว ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนยังไม่ได้ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเท่าที่ควร แต่ให้น้ำหนักไปที่สินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่า สะท้อนได้จากราคาทองยังคงขยับขึ้น 10.9% ในเดือน ก.ค. และต่อเนื่องอีก 2.3% ในเดือน ส.ค. (mtd) จนล่าสุดทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ยังปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่า
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนยังคงชื่นชอบ 6 หุ้น ที่มีวัคซีนป้องกัน COVID-19 โดยมีองค์ประกอบหนุนที่สำคัญดังนี้ หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ฝ่ายวิจัยแนะ “ซื้อ”, มี Upside และแนวโน้มกำไรเติบโตดีกว่าภาพรวมตลาด (EPS Growth สูงกว่าของตลาด) ขณะที่ราคาหุ้น Laggard กว่ากลุ่มฯ (ซื้อขายบน P/E น้อยกว่ากลุ่ม) และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน!!
ได้ 6 หุ้นปลอดโควิด ดังนี้ SPVI–INSET–STA–AP–INTUCH และ CPALL!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ