ตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวปรับตัวลงทั้งหมดต่อเนื่อง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเปิดศึกการค้ากับจีนอีกครั้ง หลังกล่าวหาว่าจีนเป็นตัวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลกจนส่งผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลก!!
บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า Valuation ทางพื้นฐานของหุ้นไทยเริ่มตึงตัวแล้ว โดยประเมินบนคาดการณ์กำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) ของตลาดปี 63 ที่ 72.62 บาท/หุ้น (ต่ำกว่า Consensus ที่ 75 บาท/หุ้น) และให้ Market Earning Yield Gap ที่ 5% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 17.4 เท่า คิดเป็น SET Index เป้าหมายที่ 1,264 จุด
แต่หากธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยายขึ้นไปได้ถึงระดับ 1,321 จุด แต่ท่าทีนโยบายทางการเงินแม้จะผ่อนคลาย แต่คาดว่ายังเน้นอัดฉีดเม็ดเงินรูปแบบอื่นมากกว่า
เอเซียพลัสแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในเดือน พ.ค.63 เน้นจัดพอร์ตเตรียมรับความผันผวนของตลาด โดยเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ผันผวนต่ำ ปันผลสูง โดยแนะนำ DCC เติบโตสวนกระแสบริษัทอื่นๆที่ผลประกอบการหดตัว
ส่วน STA ความต้องการของถุงมือยางปรับตัวขึ้นมากในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ RATCH เป็นหุ้น Defensive และปันผลสม่ำเสมอ ด้าน IVL ช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงไฮซีซันธุรกิจ
ขณะที่ COM7 ระบายสินค้าออกในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง รองรับสินค้าใหม่ๆที่จะเริ่มจำหน่ายหลังโควิด-19 คลี่คลาย และเทคโนโลยี 5G และสุดท้ายแนะนำหุ้น KBANK เหตุราคาปรับฐานลงมามากเกินไป
และยังคงแนะให้หลีกเลี่ยงหุ้น Over Value อย่าง ERW และ DELTA
ปิดท้าย บล.ธนชาต โฟกัสหุ้น PTTEP หลังแจ้งกำไรจากการดำเนินงาน 1Q20 ที่ 9.07 พันล้านบาท ลดลง 29% y-y, และลดลง 21% q-q ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์โดยราคาขายน้ำมันเฉลี่ยสูงกว่าราคาน้ำมันดิบ Dubai เล็กน้อย และต้นทุนการผลิตต่ำกว่าคาด
อย่างไรก็ดี ปริมาณการผลิตลดลง 8% q-q เหลือ 363boed จากการผลิตน้ำมันที่ลดลงในมาเลเซีย และแหล่งบงกช ต่ำกว่าที่คาดไว้
เช่นกัน ขณะที่บริษัทคาดว่าการผลิตน้ำมัน และก๊าซรวมปีนี้ อาจต่ำกว่าเป้าหมายเดิม 7% ปีนี้ และลดงบลงทุนปีนี้ลง 15-20% จากแผนเดิม
ธนชาตมองเห็น downside risk ของกำไร และเป้าหมายพื้นฐาน PTTEP ที่ 107 บาท จากทั้งปริมาณการผลิตที่ลดลง และราคาน้ำมันปัจจุบันที่ต่ำกว่าสมมติฐาน!!
อินเด็กซ์ 51
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดยอินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ