การวางแผนทางการเงิน เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และละเลยเสียไม่ได้
ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ ทั้งการบริหารรายรับ จัดการรายจ่าย หนี้สิน จัดสรรเงินออม การลงทุนเพื่อเพิ่มดอกผลของเงินออม
ทั้งหมดนั้นก็เพื่อสร้าง ความมั่งคั่งทางการเงิน
หลายคนทราบหรือไม่ว่า ทำไมเราถึงต้องเร่งสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน
คำตอบคือ ตราบใดที่เรายังมีแรงทำงาน หาเงินได้ ก็ไม่น่าห่วง แต่เมื่อใดที่เราเกษียณ หรือไม่ได้ทำงานแล้วต่างหาก เราจะเห็นความสำคัญของ ความมั่งคั่งทางการเงิน
อย่างที่กล่าว รายรับหยุดได้ แต่รายจ่ายไม่เคยหยุดตาม
คิดคร่าวๆ คนทั่วไปจะหยุดทำงานตอนเกษียณอายุ 60 ปี มีเวลาใช้ชีวิตที่เหลือชิลด์ๆไป เอาสักถึง 85 ปี เท่่ากับว่า เราได้วีซ่าอยู่บนโลกหลังเกษียณ ประมาณ 300 เดือน
คิดเผื่อมั้ยว่า ตัวเราในตอนนั้น ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไร ถ้าไม่ได้ทำงานแล้ว หรือเรี่ยวแรงหาเงินน้อยกว่าเราในตอนนี้
ถ้าเอาแบบอยู่ง่ายกินง่าย ไม่มีภาระอะไร ขอใช้เดือนละ 1 หมื่น ก็ลองคูณ 300 เข้าไป ตกแล้วเราต้องมีเงินเก็บ 3 ล้านบาทจ้า
แต่เดี๋ยวก่อน จากตัวเลขสำนักสถิติแห่งชาติ บอกว่า รายจ่ายภาคครัวเรือน ตกอยู่ประมาณเดือนละ 2.1 หมื่นบาท เท่ากับเราต้องมีเงินหลังเกษียณ 6.3 ล้านบาทถึงจะอุ่นใจ
ยัง ยังไม่พอ ตัวเลขกลมๆ จะ 3 ล้าน หรือ 6 ล้านนี้ เรายังไม่ได้คิดเผื่ออัตราเงินเฟ้อเสียด้วยซ้ำ
จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราควรเริ่มคิดวางแผนการเงินกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ตอนก่อนเกษียณ เพื่อที่จะให้เราใช้ชีวิตหลังเกษียณบนความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
ดั่งคำสอนที่เตือนกันว่า ชีวิตหลังความตาย ไม่น่ากลัวเท่า ชีวิตหลังเกษียณที่ไม่มีเงินใช้
วันนี้ คุณล่ะ เตรียมเงินไว้พอใช้ตอนแก่ ตอนไม่ได้ทำงาน ตอนเจ็บป่วน ตอนเจอเหตุฉุกเฉิน กันแล้วหรือยัง!!
ที่มา ห้องเรียนนักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย