ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,325.88 จุด ลดลง 7.55 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 60,823.68 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 740.08 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 66.25 บาท ลบ 1 บาท, KBANK ปิด 92.25 บาท บวก 2 บาท, AOT ปิด 59 บาท ลบ 0.75 บาท, PTT ปิด 37.25 บาท ลบ 0.25 บาท และ MINT ปิด 20.30 บาท ลบ 0.60 บาท
การปรับฐานลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ, ยุโรป กดดันตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งเป็นผลจากการระบาดระลอก 2 ของไวรัส COVID-19 ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปกลับมาอีกครั้ง หลังมีข่าวสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป 3.1 พันล้านยูโร
ที่สำคัญ IMF ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกลงอีกครั้ง จากผลกระทบ COVID-19 ที่รุนแรงกว่าที่คาด โดยคาด GDP โลกปี 63 หดตัว 4.9%yoy ถือว่าหดตัวรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ Great depression ในปี 2472 จากก่อนหน้านี้ IMF คาดว่าจะหดตัว 3%yoy และปี 64 คาดว่าเศรษฐกิจจะพลิกกลับมาขยายตัว 5.4% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงแรงราว 6%
บล.เอเซีย พลัส แนะระยะสั้นชะลอการลงทุนหุ้น Global และหุ้นกลุ่มพลังงาน PTTEP และ PTT เช่นเดียวกับกลุ่มโรงกลั่น TOP -BCP-PTTGC-IRPC โดยราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมา ได้ขึ้นแรงสวนทางกับพื้นฐานที่ยังอ่อนแอ สะท้อนได้จากค่าการกลั่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก
ปิดท้าย มีข่าวตลาดหลักทรัพย์ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ของ บมจ.เอเชีย แคปปิตอล (ACAP) ด้วยความระมัดระวัง ก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องด้วยบริษัทได้เปิดเผยข้อมูล เกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ แนวทางแก้ไขปัญหา และผลกระทบต่อฐานะการเงิน สรุปได้ดังนี้
1.บริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนและหุ้นกู้ที่มีมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ให้ถึงกำหนดชำระโดยพลันมียอดรวม 689.40 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของสินทรัพย์รวม ณ 31 มี.ค.63
2.การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ตามข้อ 1 เป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ รวม 1,885.98 ล้านบาท คิดเป็น 49% ของสินทรัพย์รวม
3.บริษัทจะเร่งขายทรัพย์ และหาแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาชำระคืนหนี้เงินกู้ โดยฐานะการเงินของบริษัทยังมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ครบ…จึงต้องระมัดระวังการลงทุน!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ