หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 23.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 71.75 บาท ลบ 1.75 บาท, KCE ปิด 16.50 บาท ลบ 0.90 บาท, GULF ปิด 38.50 บาท ลบ 1.25 บาท, PTT ปิด 36 บาท ลบ 0.25 บาท
ตลาดปรับลงนักลงทุนเทขายทำกำไรกังวลการระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 หลังหลายประเทศผ่อนคลายการล็อกดาวน์ให้ภาคธุรกิจต่างๆกลับมาเปิดกิจการได้ บวกกับก่อนหน้านี้ตลาดได้สะท้อนความคาดหวังการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปในระดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงจากการถูกปรับลดประมาณการกำไรลงที่ล่าสุดมีการรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 1Q63 มาแล้ว ทั้งสิ้น 190 บริษัท (คิดเป็น 56.2% ของมูลค่าตลาด) มีกำไรสุทธิรวมกันทั้งสิ้น 6.37 หมื่นล้านบาท ลดลงถึง 53.7% QoQ และ 65.6% YoY (ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ลดลง 17%)
ฉะนั้นการที่กำไรงวด 1Q63 ลดลงแรงบวกกับมีแนวโน้มลดลงอีกในงวด 2Q63 ทำให้โอกาสในการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ลงอีก ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของตลาด
ดังนั้นยามที่ Valuation ตลาดเริ่มตึงหลังตลาดหุ้นทั่วโลกสะท้อนประเด็นการเปิดเมืองมาพอสมควร รวมถึงจากข้อมูล Mobility Trend รวบรวมโดย Apple พบว่าประเทศที่เริ่มกลับมาดำเนินการทางเศรษฐกิจใกล้เคียงภาวะปกติมีโอกาสเผชิญความเสี่ยงการระบาดระยะที่ 2 ตามไปด้วย เช่น เยอรมนี เกาหลีใต้ เป็นต้น
ดังนั้น เอเซีย พลัส แนะว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องพิถีพิถันในการลงทุนและแนะลงทุนในหุ้นที่ Laggard มีโอกาสเป็นเป้าหมายของ Fund Flow ในการ Rotation มาถึงในระยะถัดไปคือ BCP และ BCH!!
เอเซีย พลัส ยังแนะเก็งกำไรหุ้นที่ถูกประกาศเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard อย่าง AWC, BAM และ KTC ในวันที่ประกาศและขายทำกำไรในวันที่มีผลบังคับใช้ (29 พ.ค.63) น่าจะ Outperform ได้ดียามที่ตลาดยังอยู่ในภาวะผันผวน
ส่วนหุ้น BANPU อาจจะผันผวนในช่วงนี้ เนื่องจากถูกกดดันจากการถูกคัดออกจากดัชนี MSCI Global Standard และยังมีโอกาสถูกคัดออกจาก SET50 ในรอบที่จะถึง เนื่องจากอันดับ Market Cap ลดลงมาอยู่อันดับที่ 77 ของหุ้นทั้งหมดใน SET Index
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ