ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,372.98 จุด ลบ 3.20 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 70,282.43 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,462.59 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด SUPER ปิด 1 บาท ลบ 0.01 บาท, AOT ปิด 61.75 บาท ลบ 1.50 บาท, KBANK ปิด 97.75 บาท ลบ 2 บาท, SAWAD ปิด 57.50 บาท ลบ 1.50 บาท และ CPF ปิด 32 บาท บวก 0.75 บาท
ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว sideway ในทิศทางขาลง หลังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้น ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังและกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกสอง ของ COVID-19
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า เดือน มิ.ย. 63 หุ้นไทยอยู่ในภาวะการเก็งกำไรอย่างเห็นได้ชัด จาก 2 ประเด็น
1.ผลตอบแทนหุ้นขนาดเล็ก Outperform เป็นพิเศษ สะท้อนได้จากดัชนีหุ้นขนาดเล็กที่ไม่ได้อยู่ใน MAI อย่าง SSET Index ให้ผลตอบแทนสูงถึง 5.07% (mtd) สูงกว่า SET Index ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 2.48% (mtd) และสูงกว่า SET50 Index (ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่) ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 2.07% (mtd) เท่านั้น
แสดงให้เห็นถึงภาวะการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุน รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนียังขาดเสถียรภาพ
2.ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์สไทย ภาพรวม Fund Flow ในตลาดหุ้นภูมิภาคเดือน มิ.ย. ต่างชาติสลับมาขายสุทธิเกือบทุกประเทศ รวมถึงตลาดหุ้นไทยถูกขายสุทธิมากสุดในภูมิภาคราว 56 ล้านเหรียญ
โดยเฉพาะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 8.2 พันล้านบาท พร้อมกับเปิดสัญญาชอร์ตสุทธิ SET50 Futures กว่า 3.1 หมื่นสัญญา ในช่วงเวลาเดียวกัน
สรุป ตลาดหุ้นยังเผชิญปัจจัยกดดันรอบด้าน ทั้งความกังวลการระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 และในประเทศมีปัจจัยกดดันกลุ่มการเงิน จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ผ่านการลดดอกเบี้ยทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน Fund Flow เริ่มชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น กลยุทธ์ยังคงเน้นลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำปันผลสูง อย่าง TTW, INTUCH, BTSGIF, AP, TVO รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่าง CPALL, CPF และเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กที่น่าจะ Outperform ตลาดได้ดีในช่วงนี้ อย่าง AMATA, DCC!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ