บล.โกลเบล็กประเมินดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากการผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นการผ่อนคลายต่อเนื่องในเฟส 4 ตามมา
ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ประกอบกับกระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.อนุมัติจัดตั้งกองทุน 5 หมื่นล้านบาทช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่เข้าไม่ถึง Soft Loan ซึ่งจะส่งผลในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจการลงทุน
ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้น หลังกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลง และความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังหลายประเทศทยอยปลดล็อกดาวน์ ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยโกลเบล็กประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,330-1,385 จุด
ขณะที่ต้องจับตาปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ ทั้งการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง และการปะทุรอบใหม่ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งเหตุจลาจลในสหรัฐอเมริกาหากมีการขยายวงกว้างและยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ด้านปัจจัยภายในประเทศ เริ่มมีความไม่แน่นอนของเสถียรภาพการเมือง ปัญหาภัยแล้งในประเทศที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ และกำลังซื้อของเกษตรกรที่ลดลง
สำหรับหุ้นน่าลงทุน หลังจากการปลดล็อกเฟส 3 คือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย อาทิ SPA, MAJOR, CRC, CPN, SF และ HMPRO
ด้านสถานการณ์ราคาทองคำขณะนี้ ได้แรงบวกจากกรณีที่สหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษฮ่องกง หลังจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เพื่อปกครองฮ่องกง นอกจากนี้การจลาจลในสหรัฐฯกว่า 50 เมือง ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงและหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น ส่งผลให้คาดว่าราคาทองคำจะผันผวนในกรอบ 1,715 – 1,760 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 25,790-26,530 บาทต่อบาททองคำ
แนะกลยุทธ์ให้เน้นซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและขายทำกำไรที่แนวต้าน!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ