ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 พ.ค.63 ปิดที่ 1,336.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.11 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 73,954.43 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,267.67 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยยังคงมีความคาดหวังกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19
ขณะที่ บล.โกลเบล็ก ประเมิน ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนจากคาดหวังกรณีพิจารณาผ่อนปรนในระยะ 3 และ 4 พร้อมทั้งการปรับเวลาเคอร์ฟิวให้สอดคล้องกัน รวมทั้งประเด็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมหารือปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวภายในเดือน มิ.ย.นี้ ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,320 -1,350 จุด
ในทางกลับกันหากพิจารณาปัจจัยนอกประเทศ ดัชนียังมีแรงกดดันต่อกรณีที่จีนมีแผนจะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งส่งผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงขึ้นที่ฮ่องกง และสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐฯ ประกอบกับการที่จีนระงับการกำหนดเป้าหมาย GDP ประจำปี 63 เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจจีนเผชิญกับความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นปัจจัยเข้ามาเป็นตัวแปรต่อตลาดหุ้น
ฝ่ายวิจัยยังแนะจับตาทิศทางการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศ ทั้งการกำหนดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ค.นี้ และผลการประชุมทีมเฉพาะกิจในวันที่ 27 พ.ค. เพื่อพิจารณาผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมเพิ่มเติมในระยะ 3 และ 4 และจับตาการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยวันที่ 29 พ.ค.นี้
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการโดดเด่นในไตรมาส 2 ได้แก่ WICE, TASCO และ CPF รวมทั้ง แนะนำหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย เช่น BAM, MTC, SAWAD และ SINGER!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหัุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ