ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ส.ค.63 ปิดที่ 1,321.23 จุด ลดลง 7.30 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 54,716.16 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,452.89 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 49.75 บาท ลบ 1.75 บาท, KBANK ปิด 82.25 บาท บวกเพิ่มขึ้น 1.25 บาท, STGT ปิด 84.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท, CBG ปิด 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท และ DELTA ปิด 123 บาท บวก 9.50 บาท
ตลาดหุ้นไทยและหุ้นทั่วโลกยังคงถูกกดดันด้วยปัจจัยเดิมๆคือ การแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
ขณะที่มุมมองโบรกเกอร์ถึงทิศทางตลาดภาพรวมเดือน ส.ค. โดย “ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยเริ่มอยู่ในระดับที่สมดุลมากขึ้น หลังปรับตัวลงมาช่วงปลายเดือน ก.ค. โดยมีกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,360 จุด อิงพี/อีล่วงหน้าที่ 16.8 เท่า และ EPS ของตลาดปีหน้าที่ 81 บาท ขณะที่มีแนวรับที่ 1,270 จุด อิงพี/อีล่วงหน้าที่ 15.7 เท่า
โดยหากดัชนีหลุดระดับ 1,300 จุดลงมา ถือเป็นโอกาสดีในการทยอยเพิ่มน้ำหนักซื้อหุ้นรอบใหม่ หลังแนะนำให้ชะลอการลงทุนมาตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นเดือน ส.ค.มีปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งจากสภาพคล่องที่จะไหลจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังวงเงินการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเดือนนี้จะลดลงจากเดือนก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันการดูดซับสภาพคล่องออกจากตลาดหุ้น ที่เกิดขึ้นในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาได้บ้าง
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลง จนทำให้ Earning yield gap กระเตื้องขึ้นจากจุดต่ำสุด จึงทำให้ความน่าสนใจของ SET Index เริ่มกลับมา
โดยธีมการลงทุนเดือน ส.ค. แนะนำลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ชอบ JMT และ CHAYO กลุ่มเกษตรและอาหาร เชียร์ TFG-ASIAN-APURE-SUN-XO
กลุ่มปั๊มน้ำมัน ชู PTG เด่น ขณะที่กลุ่มแพ็กเกจจิ้ง SFLEX- PTL น่าสนใจสุด ด้านกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีการเติบโตดี เลือก TPCH-SSP และกลุ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็กอื่นที่ยังมี Valuation ถูก เมื่อเทียบกับการเติบโตที่รออยู่ ได้แก่ ILINK-PRM-SMPC!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ