ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 เม.ย.63 ปิดที่ 1,267.41 จุด บวก 8.63 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 49,584.05 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 669.07 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 69.25 บาท บวก 3 บาท, BAM ปิด 23.70 บาท บวก 0.30 บาท, GPSC ปิด 70.50 บาท บวก 1.25 บาท, PTT ปิด 34 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, GULF ปิด 39 บาท บวก 1 บาท
ตลาดปิดบวกตามตลาดหุ้นต่างประเทศด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ชะลอตัวลง ขณะที่ ศบค.มีมติเสนอ ครม.ต่อเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและเคอร์ฟิวทั่วประเทศอีก 1 เดือน และให้งดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด, งดกิจกรรมที่จะทำให้เกิดการ
รวมตัวกันของคนหมู่มาก รวมทั้งควบคุมการเข้าออกประเทศต่ออีก 1 เดือน สิ้นสุด 31 พ.ค.63 จากเดิมสิ้นสุด 30 เม.ย.นี้ ทั้งนี้รอเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติวันที่ 28 เม.ย.63
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เผยบทวิเคราะห์ ระบุ ปัญหาโควิดที่ยังอยู่อาจเป็นการตอกย้ำให้เกิดเหตุการณ์ Sell in May ซ้ำรอยอดีตที่เดือน พ.ค.ตลาดหุ้นไทยมักจะปรับตัวลงแรงเสมอ เฉลี่ยลดลงราว 2% และเป็นการปรับตัวลงถึง 8 ปีใน 10 ปี
มี 3 ปัจจัยที่มักเกิดขึ้นซ้ำๆ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ Sell in May อยู่เสมอ ดังนี้
1. เดือน พ.ค. เป็นช่วงประกาศงบบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรก หากออกมาต่ำกว่าคาดมีโอกาสที่จะถูก “Sell on fact” ได้ ยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้น่าจะทำจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ทำให้ตลาดหุ้นในช่วงเดือน พ.ค.63 อาจไม่คึกคักมาก
2. เดือน พ.ค.เป็นเดือนที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติมักไหลออกจากตลาดหุ้นมากสุด เฉลี่ยสูงถึง 1.65 หมื่นล้านบาท
3. เนื่องจากเดือน พ.ค.เป็นช่วงที่มีการขึ้นเครื่องหมาย XD และจ่ายปันผลงบปี 62 เกือบหมดแล้วกว่า 408 ใน 488 บริษัท (คิดเป็น 83% ของบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผล) ทำให้นักลงทุนมีการโยกเงินกลับประเทศบางส่วน รวมถึงก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD
ยังได้มีการเก็งกำไรหุ้นแล้ว จึงไม่มีแรงซื้อที่เข้ามาหนุนตลาดเหมือนกับเดือนที่ผ่านๆมา
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนยังคงเตรียมรับมือกับความผันผวนของตลาด โดยเลือกลงทุนหุ้น Defensive ราคา Laggard อย่าง BTSGIF และ EA ซึ่งราคาหุ้นทั้งสอง ยัง Laggard กว่ากลุ่ม และมี Valuation ที่น่าสนใจ!!
ที่มา คอลัมน์เงาหุ้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ