ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,376.18 จุด เพิ่มขึ้น 9.05 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 71,555.79 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,860.54 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด MINT ปิด 23.10 บาท บวก 1.20 บาท, PTT ปิด 38 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, STA ปิด 29 บาท บวก 1.75 บาท, KTC ปิด 31 บาท บวก 1 บาท และ PTTEP ปิด 93.75 บาท ลบ 0.25 บาท ตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์ถึงกรณีที่แบงก์ชาติร้องขอให้กลุ่มลิสซิ่งและนอนแบงก์ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย 1-2% และขยายโครงการลดชำระค่างวด/เงินต้น และหรือพักชำระหนี้ออกไปอีก (ยังรอข้อสรุป) ประเมินว่า KTC อาจได้รับผลเสียจากผลการลดอัตราดอกเบี้ย 1-2% ของเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ 18% มีผลต่อประมาณการกำไรปี 63 ราว 6% และ 10% ปี 64 (สินเชื่อบุคคลไม่กระทบมากเพราะคิดดอกเบี้ยเฉลี่ย 26.5%)
ขณะที่ MTC ไม่น่าได้รับผลกระทบ ปัจจุบันคิดดอกเบี้ยลูกค้า 24% ซึ่งมีอัตราต่ำกว่าเพดานเงินกู้ที่ 28% ถึง 4% รวมถึงมีผู้ร้องขอ เรื่องการพักชำระหนี้เงินต้นและลดค่างวดน้อยมาก ด้าน SAWAD ก็อาจไม่ได้รับผลกระทบ แม้ปัจจุบันคิดดอกเบี้ยลูกค้า 28% ผ่านบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ (BFIT) ที่อยู่ภายใต้การกำกับของแบงก์ชาติเหมือนธนาคารพาณิชย์อื่นอยู่แล้ว รวมถึงมีผู้ร้องขอเรื่องการพักชำระหนี้เงินต้นและลดค่างวดน้อยมาก
ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการแบงก์ชาติน่าจะมีผลบังคับใช้ และเชื่อว่า KTC มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบสูงสุด ต่อประมาณการกำไร และอาจลดสำรองค่าเผื่อหนี้สูญลงปี 63–64 และลดต้นทุนการเงิน (ผ่านการกู้ Soft loan) เพื่อรักษาระดับกำไรให้ไม่ผันผวนมากนัก
ระยะสั้นแนะให้เลี่ยงลงทุนไปก่อน หากความชัดเจนไม่ปรากฏ ขณะที่แนะนำซื้อลงทุน MTC และ SAWAD หากราคาปรับตัวลงจากข่าวนี้
ปิดท้าย บล.ทิสโก้ออกบทวิเคราะห์หุ้นแบงก์ แนะ “ซื้อ” หุ้น BBL ให้มูลค่าเหมาะสม 154 บาท เนื่องด้วยโครงการของภาครัฐขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์เป็นหลัก, การปรับโครงสร้างที่ต่ำของสินเชื่อธุรกิจแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่จำกัดกว่ากลุ่มอื่น และมีการตั้งสำรองล่วงหน้าที่สูงกว่ากลุ่ม
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ