รอปลดล็อคดาวน์อีกรอบ 17 พ.ค. ช่วยเติมเม็ดเงินหมุนเวียนได้ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยหยุดทรุดตัว หรือฟื้นจากจุดต่ำสุด
คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นจนเห็นได้ชัดประมาณไตรมาส 2 ปี 2564
ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษยน 2563 เปิดเผยโดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
พบว่าปรับตัวลดลงทุกรายการ โดยส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2541 เป็นเวลา 21 ปี 7 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักทั่วโลก ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ชะลอตัวอย่างมาก ตลอดจนตวามกังวลของผู้บริโภคถึงภาวะว่างงานสูง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค โดยติดลบ 3 ไตรมาสติดต่อกัน และจะเริ่มเป็นบวกไตรมาส 4 ประมาณบวก 1-2% จากการรีสตาร์ทของภาคธุรกิจและ มาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ 400,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเห็นเม็ดเงินในระบบชัดเจนในช่วงต้นเดือนสิงหาคม และจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 63 ติดลบน้อยลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะติดลบ 8.8% เป็นติดลบ 3.5-5.5%
ในสภาพปกติ จะมีเม็ดเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบประมาณ 600,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่เมื่อล็อกดาวน์ เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบหายไปประมาณ 50% และ การปลดล็อกภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ จะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นเกือบ 200,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้เศรษฐกิจไทยหยุดทรุดตัว หรือฟื้นจากจุดต่ำสุด โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นจนเห็นได้ชัดประมาณไตรมาส 2 ปี 2564