Home Blog Page 26

เศรษฐกิจอย่างนี้ จะลงทุนอย่างไร

วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง จำกัด

คุณ วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง จำกัด โพสมุมมองการลงทุนในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ในเฟสบุ้คส่วนตัว มีเนื้อหา ดังนี้

เศรษฐกิจอย่างนี้จะลงทุนอย่างไร

1. เศรษฐกิจโลกปีนี้

IMF คาดการณ์ใหม่ในเดือน มิ.ย.ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง -4.9% ในปีนี้ ลดลงจากจากคาดการณ์เดิมในเดือน เม.ย.ที่ว่าจะหดตัวลง -3.0% และลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ +5.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือน เม.ย.ว่าจะขยายตัว +5.8% โดยคาดว่าเศรษฐกิจกลุ่มพัฒนาแล้ว (Advance Economies) จะหดตัว -8.0% และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Economies) จะหดตัว -3.0% และคาดว่าไทยจะหดตัวลง -7.7% ในปีนี้ ซึ่งต่ำที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ IMF ได้ระบุว่าการใช้มาตรการกระตุ้นทั้งด้านการเงินและการคลังอย่างเต็มที่ในหลายประเทศได้ช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจหดตัวรุนแรงไปกว่านี้ โดยเฉพาะมาตรการที่พยุงการจ้างงาน และการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีต่อเนื่องตลอดทั้งปี ขณะที่นโยบายการเงินจะผ่อนคลายไปตลอดจนถึงสิ้่นปีหน้า

ผลก็คือการผ่อนคลายทางการเงินอย่างสุดโต่งนี้ได้ส่งผลบวกให้กับ Financial Markets ทั้งที่ภาพเศรษฐกิจดูไม่ดีเลย และได้เตือนว่าสถานะทางการคลังของรัฐบาลในหลายๆ ประเทศจะทรุดตัวลงอย่างหนักจากการออกมาตรการลดทอนผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และหนี้สาธารณะต่อ GDP ของโลกก็จะพุ่งขึ้นแรงจนทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 101.5% ในปีนี้ ในขณะที่เป็น 82.8% ในปีก่อน


2. กองทุนบัวหลวงมองภาพเศรฐกิจไทยอย่างไร

เราได้ปรับประมาณการ GDP ไทยในปีนี้จากเดิม -5.2% ลดลงเป็น -8.0% (สมัยต้มยำกุ้งหดตัว -7.6%) เนื่องด้วย COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในมุมกว้าง อันเนื่องมาจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่

2.1 หลายประเทศทั่วโลกปิดน่านฟ้าและน่านน้ำ ทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยหยุดชะงัก ทำให้ออเดอร์สินค้าส่งออกหดตัว และขาดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา

2.2 กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศหดตัวทั้งส่วนของการบริโภค เนื่องด้วยการจ้างงานและรายได้ของคนไทยมีแนวโน้มลดลง และหดตัวจากการลงทุน เพราะธุรกิจเอกชนชะลอการลงทุน

2.3 เครื่องจักรเดียวที่ยังขยายตัวอยู่คือการบริโภคภาครัฐ โดยรัฐบาลพยายามจะประคองเศรษฐกิจผ่านการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 3 ระยะ เป็นเม็ดเงินกว่า 10% ของ GDP ขณะที่นโยบายการเงินก็อยู่ในทิศทางที่ผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจประคองตัวต่อไปได้ โดยตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา ธปท. ได้ใช้นโยบายทั้งที่เป็นดอกเบี้ยและที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ทั้งสถาบันการเงิน ธุรกิจ ตลาดทุน และประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ เราคาดว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อรัฐบาลทยอยปลดล็อกให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงกับปกติ ซึ่งหากไม่มีการแพร่ระบาดรอบสองและรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปีนี้ GDP ไทยคงจะหดตัว -8.0% แต่เราคาดหวังในเชิงบวกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมา 6.5% ในปีหน้า โดยมีปัจจัยที่อาจทำให้คลาดเคลื่อน ได้แก่

– ความสามารถในการควบคุม COVID-19
– ภาระหนี้ครัวเรือนและธุรกิจ (เป็นตัวกำหนดการใช้จ่ายภายในประเทศ)

– ค่าเงินบาท (เป็นเครื่องสะท้อนความถูกแพงของสินค้าส่งออกจากไทย)
.


3. จากนี้ไปจะลงทุนอย่างไร

หากมองสั้นๆ แค่ไม่กี่เดือน ตอบได้ว่ากระแสเงินจากต่างประเทศที่ไหลเข้าออกในตลาดต่างๆ จะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ของในตลาดนั้นๆ มีราคาสูงขึ้นหรือลดลง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย

ดังนั้น หากท่านสนใจหุ้น เพราะทนกับอัตราดอกเบี้ยที่โดนเหยียบจนแบนแต๊ดแต๋ไม่ไหวจริงๆ ก็เลือกลงทุนในตัวที่ดี ในราคาที่ถูกลงมามากๆ และต้องมั่นใจว่าเขาจะไปรอด แล้วถือยาวววววววววว … ซึ่งต้องอ่านบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ที่ท่านเชื่อถือ หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมในค่ายที่ท่านมั่นใจและเข้าใจวิธีการลงทุนของเขา

แต่หากกลัวหุ้น รับความผันผวนไม่ไหว จะไปตราสารหนี้ ก็ต้องทนได้กับอัตราผลตอบแทนกระจิดริด … น้อยนิดจนเอานิ้วถ่างตาดูก็แทบมองไม่เห็นแล้ว … และอย่าโลภ อย่ากระโดดเข้าไปหาตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ของบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงโดยไม่รับรู้ถึงความเสี่ยง เพราะในภาวะดอกเบี้ยต่ำอย่างนี่ เขาควรกู้แบงค์ได้ในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไม่สูง … ถ้ารัฐบาลหรือ ธปท.ออกพันธบัตรอีกเมื่อไหร่ก็ให้รีบไปจองอย่างด่วน

เหนือสิ่งอื่นใด การกำหนดสัดส่วนลงทุนเฉพาะตนสำคัญที่สุด และเป็นการกระจายเงินลงทุนไปในสินทรัพย์หลายกลุ่ม ช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวได้

ถ้าอายุมากแล้ว ควรลดความโลภ ลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นลงให้เหมาะกับตนเอง หากลงทุนหุ้นแล้วเงินส่วนนั้นลงนานได้ไม่เกิน 7 ปี ก็ต้องยอมถอยเงินส่วนนั้นออกจากหุ้นไปเสียจะดีกว่า ยกเว้นท่านเป็นนักเก็งกำไรมือฉมังที่ยังไม่ตาย … ล่าสุด ข้าพเจ้าลดสัดส่วนกองทุนหุ้นทั้งในประเทศและนอกประเทศลงเหลือประมาณ 10% และมีกองทุนทองคำประมาณ 10% โดยอีกประมาณ 80% ที่เหลือเป็นกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐที่ให้ผลตอบแทนไม่ถึง 1% ต่อปี … ก็ต้องยอมทนเพราะอายุมากแล้ว

เพราะสำหรับคนอายุมากๆ ได้ผลตอบแทนน้อยนิด อาจจะดีกว่าขาดทุนจนเหลือไม่พอใช้ แต่ก็ต้องทำใจเวลาหุ้นขึ้น อย่าไปเสียดาย ต้องรู้จักเพียงพอ

แต่ถ้าอายุน้อย หรือมีเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีกว่าจะเกษียณ อันนี้ยังรับความเสี่ยงได้ อย่าทิ้งโอกาสในหุ้น ให้จัดสัดส่วน Portfolio การลงทุนของท่านให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของตนเองก็แล้วกัน

ที่มา FACEBOOK วรวรรณ ธาราภูมิ

ปรับโฉมซีพี เฟรชมาร์ท “แหล่งรวมพลความสดคุณภาพดี” นำร่องที่สาขารัชดา 66

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง และเกิดวิถีปกติใหม่หรือ New normal จึงทำการปรับโฉมร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท ให้สอดคล้องวิถีดังกล่าว ด้วยแนวคิด “รวมพลความสดคุณภาพดี ราคาเป็นกันเอง…พร้อมบริการส่งถึงบ้าน” โดยประเดิมที่สาขารัชดา 66 เป็นแห่งแรก

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ

“ในวิถีปกติใหม่คนนิยมที่จะอยู่บ้านมากขึ้น รวมทั้งต้องการความสะดวก และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย ซีพี เฟรชมาร์ท ซึ่งเป็นมินิซูปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ชุมชน จึงเพิ่มเติมสินค้าสดที่หลากหลาย ด้วยแนวคิดสดทุกวัน หรือ Fresh Everyday เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ อาทิ เนื้อกุ้งพรีเมี่ยม เนื้อโคขุน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมี สถานีชาบู-หมูกระทะ ที่รวมวัตถุดิบสำหรับปรุงเมนูชาบูและหมูกระทะไว้อย่างครบครัน เพื่อให้เป็นครัวของบ้านที่พร้อมให้บริการส่งถึงบ้าน ผู้คนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรวมตัวกันซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เป็นการช่วยเพิ่มระยะห่างทางสังคม และลดโอกาสการแพร่เชื้อด้วย” นายประสิทธิ์กล่าว

ร้านซีพี เฟรชมาร์ทโฉมใหม่ เป็นที่รวมอาหารสดคุณภาพดี ที่มีทั้งหมูสด ไก่สด เนื้อโคขุน และกุ้งสด ซีพี พรีเมี่ยม ที่ส่งตรงจากฟาร์มทุกวัน สำหรับลูกค้าที่ต้องการกุ้งคุณภาพ ตัวใหญ่เนื้อแน่น รสชาติหวานอร่อย และด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงมีการเพิ่มสถานีชาบู-หมูกระทะ เป็นอีกหนึ่งสถานีที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่มีทั้งเนื้อหมูปรุงรส เนื้อไก่ปรุงรส ลูกชิ้นหลากหลายประเภท โดยสินค้าถูกเก็บรักษาคุณภาพด้วยตู้แช่เย็น ที่ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่เป็นระบบ Double Cooling มีการกระจายความเย็นได้ทั้งด้านบน และด้านล่าง ควบคู่กัน ทำให้สามารถคงความสดใหม่ของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังเป็นระบบ eco friendly ใช้พลังงานน้อยลง นอกจากนี้ยังมีผักและผลไม้นานาชนิดเพิ่มขึ้น ขณะที่อาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมทาน และอาหารแห้ง รวมถึงเครื่องปรุงต่างๆ ก็ยังคงมีวางจำหน่ายเช่นเดิม

ที่สำคัญ ซีพี เฟรชมาร์ท ยังให้บริการผ่าน E-Commerce ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้ออาหารได้ถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ แอปพลิเคชัน CPFreshmart, สายด่วนโทร.1788 และเว็บไซต์ www.cpfreshmartshop.com โดยทางร้านจะจัดส่งอาหารในรัศมี 3 กิโลเมตร ให้ถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วิถีปกติใหม่ได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ ระบบโลจิสติกส์ ซีพี เฟรชมาร์ท สร้างชื่ออย่างมากเมื่อครั้งจัดส่งอาหารให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงผู้กักตนหลังกลับจากต่างประเทศ 20,000 ราย โดยอาหารทั้งหมดจะได้รับการควบคุมอุณหภูมิ ตั้งแต่ออกจากโรงงาน ไปยังร้านสาขา และไปจนกระทั่งถึงมือลูกค้า ซึ่งการควบคุมอุณหภูมิตลอดเส้นทางเช่นนี้เป็นการรักษาคุณภาพอาหารที่ดีที่สุด ขณะที่พนักงานขับรถส่งอาหารให้ลูกค้า ก็จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยต้องสวมหน้ากาก-ถุงมือ พร้อมเน้น Social Distancing เช่น การแขวนถุงอาหารให้ที่รั้วบ้านแทนการสัมผัส หรือ การรับชำระเงินผ่าน True Wallet เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรหรือเงินทอน

เงาหุ้น : สัปดาห์นี้ร่วง 40 จุด

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,330.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.46 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 47,193.61 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,550.92 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 37.50 บาท บวก 2 บาท, CPALL ปิด 67.50 บาท บวก 1.25 บาท, ADVANC ปิด 186 บาท ลบ 1.50 บาท, KBANK ปิด 91 บาท ลบ 1.25 บาท และ AOT ปิด 59 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ลดลง 40 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,759 ล้านบาท บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองตลาดสัปดาห์หน้า

ด้านเทคนิคคาดดัชนีจะแกว่งตัวแบบ Sideway โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่งที่ 1,300 จุด คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับของนักลงทุน โดยเฉพาะแรงซื้อจากเม็ดเงินในช่วงโค้งสุดท้ายของกองทุน SSFX รวมถึงการทำ Window dressing ก่อนปิดสิ้นงวด Q2/63

แนะกลยุทธ์การลงทุน เลือกหุ้นปันผลเด่น และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลง

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ได้ทำการวิเคราะห์กำไรบริษัทจดทะเบียนจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก พบว่ามีถึง 4 อุตสาหกรรมที่กำไรไตรมาส 2 มีโอกาสลดลง ทั้ง QoQ และ YoY ดังนี้ 1.กลุ่มค้าปลีก ยอดขายลดลงอย่างมีนัยฯ จากการปิดสาขาในหลายบริษัทในช่วงปิดเมือง 2.กลุ่มขนส่งทางอากาศ ขาดรายได้เนื่องจากปิดสนามบินตลอดไตรมาส 2

3.กลุ่ม ICT มีกำไรลดลงจากกำลังการซื้อที่หายไป รวมถึงมีการปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าชั่วคราว 4.กลุ่มแบงก์รายได้จากดอกเบี้ยมีโอกาสลดลง เนื่องจากในไตรมาสที่ 2 ทาง ธปท.มีการลดดอกเบี้ยนโยบายไป 2 ครั้ง 0.5%

ส่วนกลุ่มน้ำมันและปิโตรฯ น่าจะเป็นกำลังหลักในการหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ให้เติบโต QoQ ได้ แม้ประสิทธิภาพในการทำกำไรอาจจะยังไม่เท่ากับภาวะปกติ แต่คาดว่าจะเติบโต QoQ ได้

สรุปคือ กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 มีโอกาสเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY แต่ภาพรวมครึ่งปีแรก บริษัทจดทะเบียนอาจทำกำไรได้ไม่ถึง 40% ของประมาณการปี 63 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 6.88 แสนล้านบาท (EPS63F เท่ากับ 64 บาท/หุ้น) แสดงว่าช่วงที่เหลือของปี บริษัทจดทะเบียนจะต้องทำกำไรเกินกว่า 60% ของประมาณการ

ถือเป็นระดับที่ท้าทาย และเป็นความเสี่ยงต่อดัชนีตลาดที่ปัจจุบันซื้อขายกันบน P/E เกินกว่า 20 เท่า!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เอไอเอส ผนึกกำลัง 10 ภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของไทย ใช้ 5G ฟื้นฟูประเทศ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส ได้เดินหน้าทดลองทดสอบรูปแบบการใช้งาน หรือ Use case บนเทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแพทย์ โลจิสติกส์ การผลิต การรักษาความปลอดภัย สมาร์ทซิตี้ ตลอดจนเกิดการใช้งานจริงในด้านสาธารณสุขในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงวันนี้ เทคโนโลยี 5G ได้พิสูจน์เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นี่คือเทคโนโลยีใหม่ที่เป็น The Real New Normal ด้านเทคโนโลยีที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และประชาชน ซึ่งในโอกาสนี้ เอไอเอสมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกราย นำนวัตกรรม 5G ไป utilize ใช้งานจริง ทั้งในภาคอุตสาหกรรม รีเทล การท่องเที่ยว การศึกษา ความบันเทิง และความยั่งยืน เพื่อพลิกฟื้นและสนับสนุนการฟื้นฟูประเทศ พาคนไทยก้าวผ่านวิกฤตและชนะไปด้วยกัน

· บุก EEC ปูพรม 5G เต็มพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ครบทั้งพื้นดิน ทะเล และอากาศ ผลักดันศักยภาพทำเลเศรษฐกิจและเมืองใหม่ ดึงดูดการค้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน

o เสริมแกร่งด้าน LAND ยกระดับการบริหารจัดการภายในนิคมอุตสาหกรรมด้วย Smart Industrial Estate, Smart Building Management และ IoT & Smart Communication ก้าวสู่การเป็น Smart City อย่างครบวงจร

o เสริมแกร่งด้าน SEA นำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ในกิจการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าแหลมฉบัง เพื่อให้สามารถควบคุมเครนยกตู้สินค้าได้จากระยะไกล เป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัย CCTV Via 5G และ Security Control Building ปั้นท่าเรือไทยสู่การเป็น Smart Port

o เสริมแกร่งด้าน AIR ยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา สู่การเป็น Smart Airport แห่งยุค New Normal ด้วย 5G และเทคโนโลยีดิจิทัล Facial Recognition และ Object Detection

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า “อมตะฯ ดำเนินธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมมากว่า 30 ปี เราเล็งเห็นแล้วว่า Smart City คือ เป้าหมายที่ประเทศไทยจะต้องไปสู่จุดนั้น และต้องไปพร้อมกันทั้งแผงของประเทศ เพื่อให้เรามีความสามารถที่จะแข่งขัน ดึงดูดการลงทุนมายังประเทศเราได้ ประเทศไทยจึงต้องการ Engine ที่จะมาขับเคลื่อนให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่ง 5G คือคำตอบที่จะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างน้อย 3% และหากใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ถึง 5% เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยก้าวทันประเทศชั้นนำอย่างจีน เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ที่ได้นำ 5G มาเพิ่มมูลค่าไปแล้ว ผมเชื่อว่า การที่เราร่วมมือกับเอไอเอส เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วย 5G จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมาสู่เมืองอมตะในอนาคต”

นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครือสหพัฒน์มีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่เป็นธรรมให้กับลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีเข้าช่วยเสริมศักยภาพ ลดต้นทุนการผลิต ตลอดจนการควบคุมสต็อกสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ดังนั้น การมาถึงของเทคโนโลยี 5G เปรียบเหมือนสิ่งที่เรารอคอยมานานมาถึงแล้ว และจะมาติดจรวดให้เราก้าวเดินได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ต่ำลง อย่างเช่น โรงงานมีบริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลี เขาสามารถรีโมตคอนโทรลมาควบคุมการผลิตที่ศรีราชาได้โดยไม่ต้องเดินทางมาประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ลดต้นทุน แต่ยังช่วยรีโลเคตบางโมดูลมาผลิตที่สายการผลิตในไทยได้ จากเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะมาผลิตที่ไทยได้ เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ในราคาต้นทุนที่ต่ำลง”

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า “การเกิดโควิด-19 เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานทุนจากประเทศจีน ที่ต่อเนื่องมาจากการเกิดสงครามการค้า เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของซัพพลายเชน ตรงนี้คือโจทย์สำคัญของประเทศไทยที่ต้องมองต่อและผลักดันตัวเองด้วย High Technology เพื่อดึงดูดการลงทุน ซึ่ง 5G ถือเป็น Digital Infrastructure ที่เราพัฒนามาดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และตอบความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการ Infrastructure ที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งาน ทั้งในแง่ Robotic, AI หรือ IoT โดยในส่วนของ WHA จะร่วมมือกับเอไอเอส นำ 5G บนคลื่นความถี่ที่เหมาะสม มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนร่วมโซลูชันส์ที่ตอบโจทย์สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า”

นายเรืองศักดิ์ บำเหน็จพันธุ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม กล่าวว่า “E-logistic Platform ภายใต้โครงการ Port Community System มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารจัดการ Big Data ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านการขนส่งทางน้ำ ตลอดจนการขยายขีดความสามารถท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ดังนั้น การมีเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงอย่าง 5G จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของการท่าเรือฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการรับส่งแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน E-logistic Platform และการเชื่อมโยงกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ ตั้งแต่เมื่อเรือสินค้าเข้าเทียบท่าโดยใช้เครื่องมือทุ่นแรงยกตู้สินค้าจากเรือมาวางไว้ที่ลานวางตู้ และเตรียมที่จะส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งต้องขอบคุณ เอไอเอส ที่มาเป็นหัวหอกสำคัญ นำเทคโนโลยี 5G เข้ามาใช้ เพื่อพัฒนากระบวนการให้บริการท่าเทียบเรือตู้สินค้าของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป”

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ประกอบไปด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC กล่าวว่า “เราได้เซ็นสัญญา MOU กับเอไอเอส ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามายกระดับสนามบินอู่ตะเภาสู่การเป็น Smart Airport โดยเฉพาะอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ที่เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ยกระดับสู่การเป็นมหานครการบินภาคตะวันออก เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ใช้เวลาในสนามบินน้อยลง และมีเวลาไปทำกิจกรรมที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าเทคโนโลยี 5G ของเอไอเอส จะช่วยเราได้มากอย่างแน่นอน”

· พลิกโฉมอุตสาหกรรมรีเทล เป็นผู้สร้าง Game Changer และประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้นักช้อปชาวไทยและต่างชาติ

ภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) นำนวัตกรรมเครือข่าย 5G และดิจิทัลพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก ด้วยการผสานเทคโนโลยีออนไลน์เข้ากับการจับจ่ายแบบออฟไลน์ สร้างประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ก้าวสู่การเป็น Total Smart Retail อาทิ

o Smart Mirror เทคโนโลยีกระจกดิจิทัลแสดงผลการช้อปในร้านค้าต่างๆ เช่น การจำหน่ายเสื้อผ้า เมื่อส่องแล้วจะสามารถวัดขนาดตัว และเลือกไซส์ที่เหมาะสมให้อัตโนมัติ แสดงผลได้รวดเร็วผ่านเครือข่าย 5G

o Advance Digital Signet จะหลักการ Data Analytic มาวิเคราะห์ใบหน้าเมื่อลูกค้าเดินเข้าในศูนย์การค้า และจะแสดงโฆษณาตามความสนใจของลูกค้า

o Real-Time Personalize to the Right Target วิเคราะห์ใบหน้าและนำเสนอสินค้าได้ตามความต้องการส่วนตัวของลูกค้า

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจค้าปลีกและการให้บริการเป็นธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานมากกว่า 2 ใน 3 ของการจ้างงานทั้งหมดในประเทศไทย และทางเซ็นทรัล รีเทล เอง ก็ถือเป็นสัดส่วนหลักที่มีการจ้างงานในกลุ่มค้าปลีกและการให้บริการนี้ และในโอกาสที่เราจะร่วมกับ เอไอเอส ฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เราพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็น Game Changer ไปด้วยกัน โดยใช้ Big Data ของ The 1 Card,Smart Logistic และ Smart Payment รวมทั้งศักยภาพของ AIS 5G สร้างประสบการณ์ใหม่ของการ Shopping ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย และจะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็นแพลตฟอร์ม ที่ Anywhere และ Real-time อย่างแท้จริง”

· ยกระดับการท่องเที่ยวไทยในมิติที่แตกต่าง กู้วิกฤตแหล่งรายได้หลักของประเทศ

จับมือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พลิกสูตรการท่องเที่ยววิถีใหม่ในยุคหลังโควิด-19 ด้วยเทคโนโลยี 5G VR เปิดมุมมองใหม่กับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่แหล่งชุมชน

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูรณ์ รองผู้ว่าการด้านสินค้า และธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G จะช่วยเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ Virtual Reality ที่จะมีความสมจริงยิ่งขึ้น ดังนั้น ในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะร่วมกับ เอไอเอส ในการนำต้นทุนทางธรรมชาติและต้นทุนทางวัฒนธรรมของไทย ที่เปรียบเสมือน Unseen Destination ผสมผสานกับเทคโนโลยี 5G VR พัฒนาเป็น Virtual Reality เพื่อกระตุ้นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาสัมผัสและซึมซับบรรยากาศจริงที่เมืองไทย ขอขอบคุณเอไอเอส ที่นำเทคโนโลยีดีๆ มาให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการทำตลาด สร้างประเทศไทยให้สมบูรณ์แบบ และก็เป็น Preferred Destination สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างแท้จริง”

· เปิดโลกแห่งการเรียนรู้และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ด้วยเทคโนโลยี 5G VR

ผนึกกำลัง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สร้างคอนเทนต์แห่งการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ในรูปแบบ VR สำหรับหลักสูตรการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา – มัธยมศึกษา รวมถึง พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สร้างคอนเทนต์ให้ชมเครื่องบินในแต่ละรุ่นในรูปแบบ VR ให้ภาพเสมือนจริง สร้างประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่แตกต่างและดึงดูดความสนใจให้เด็กๆ และคนไทยสนุกไปกับการเรียนรู้ยิ่ง

· นำนวัตกรรมดิจิทัล สร้างโมเดลแห่งการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

จับมือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมศึกษาวิจัยการนำเทคโนโลยี 5G, IoT ผ่านโครงการ SDG Lab ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี บนพื้นที่ 100 ไร่ ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต

o Smart City ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล, 5G และ IoT พัฒนาระบบการขนส่งและระบบการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ให้สอดรับกับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน (Urban Sustainable Development)

o Smart Living ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับคนในสังคม ผ่านการบริหารจัดการพลังงาน, ทรัพยากรธรรมชาติ และขยะรวมทั้ง Electronic Waste เพื่อประโยชน์ สูงสุดต่อส่วนร่วม

o Smart Farming พัฒนาเทคโนโลยี ทดลอง ทดสอบ เพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน ตอบรับเรื่องความมั่นคงทางอาหาร, อาหารที่ปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร

o People ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “ธรรมศาสตร์มีจุดมุ่งหมายในการตั้ง SDG Lab ก็เพื่อที่จะส่งเสริมการลงมือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และใช้ธรรมศาสตร์เป็นพื้นที่ในการทดลองทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การหาทางดูดซับก๊าซเรือนกระจกกลับคืนมา การใช้พลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน รวมถึงคุณภาพชีวิตของเราที่ต้องดีขึ้น มีอาหารปลอดภัย อย่างหลังคาของอาหารป๋วย 100 ปี เราได้ใช้เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับปลูกผักออร์แกนิกลอยฟ้า ทำนาขั้นบันไดออร์แกนิกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย และในบรรดามหาวิทยาลัยด้วยกัน ที่นี่เป็นที่ 1 ของโลก สร้างแหล่งอาหารปลอดภัย รวมไปถึงการมีเทคโนโลยี 5G ที่จะมาช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำให้พื้นที่นี้สามารถบริหารจัดการได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งสามารถต่อไปสู่การใช้งานในชุมชนอื่นๆ ได้ในอนาคต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของพวกเราทุกคน”

เอไอเอส จัดมหกรรมสินค้าไอทีบนโลกออนไลน์ ครั้งแรกของไทย

รายงานข่าวจากบริษัท เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้านำศักยภาพนวัตกรรมเครือข่ายและดิจิทัล แพลตฟอร์ม ร่วมช่วยเหลือและฟื้นฟูประเทศ หลังวิกฤตโควิด-19 ล่าสุด ล่าสุด เอาใจนักช้อปออนไลน์ยุค New Normal เตรียมจัดงาน AIS 5G Thailand Virtual Expo มหกรรมจำหน่ายมือถือ สมาร์ทโฟน สินค้าไอที บนโลกออนไลน์ ที่ใหญ่ที่สุด ครั้งแรกในไทย ที่ได้นำเทคโนโลยี VR มาผสมผสานการจัดอีเว้นท์ในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริงอย่างเต็มรูปแบบ พัฒนาโดยฝีมือคนไทย เพื่อคนไทย คลิกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายในราคาประหยัด ปลอดภัย รักษาระยะห่าง

ภายในงานขนทัพสินค้าสินค้าไอที ทั้งมือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต จากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ทั้ง Samsung, Apple, Oppo, VIVO, Xiaomi, Realme, Oneplus พร้อมแบรนด์สมาร์ทดีไวซ์ชั้นนำอีกมากมาย นำมาจำหน่ายในราคาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมโค้ดส่วนลดพิเศษแบบจัดเต็ม

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและ SME ด้วยการเปิดโซนจำหน่ายอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ จากร้านค้าดังกล่าว รวมกว่า 450 ร้านค้า เพื่อเป็นอีกช่องทางการจำหน่าย และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า SME ได้สะดวก ง่ายดายยิ่งขึ้น

วอร์มนิ้วเตรียมช้อปในงาน AIS 5G Thailand Virtual Expo ในวันที่ 29 มิถุนายน 2563 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป โดยคลิกที่เว็บไซต์ www.ais.co.th/ThailandVirtualExpo และช้อปต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงได้จนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 เท่านั้น

ซีพี-เมจิ เติมพลังให้เด็ก 50 เขตทั่วกทม. ผ่านโครงการ “ส่งต่อพลัง สตรองไปด้วยกัน”

นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด พร้อมด้วย นายทาคาฮิโร่ อาวาอิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นำผู้บริหารและพนักงาน ซีพี-เมจิ จิตอาสา ร่วมแจกผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตคุณภาพสูง ให้แก่เด็กและเยาวชนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังกายพลังใจ สู้ภัยโควิด-19 ในโครงการ “CP Meiji ส่งต่อพลัง สตรองไปด้วยกัน” โดยมี นางสาวโศรยา วัธชนะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตคลองเตย และ นางมาเรียม ป้อมดี ประธานชุมชนพัฒนาใหม่ ร่วมรับมอบ ณ ชุมชนพัฒนาใหม่ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

สำหรับโครงการ “CP Meiji ส่งต่อพลัง สตรองไปด้วยกัน” เป็นโครงการที่ ซีพี-เมจิ บริษัทในเครือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ส่งมอบพลังแห่งสุขภาพดี ผ่านผลิตภัณฑ์นมเมจิ และโยเกิร์ตเมจิ คุณภาพสูง หลากหลายรสชาติ จำนวน 100,000 ชิ้น ให้กับเด็กและเยาวชน ใน 50 ชุมชน จำนวน 50 เขต ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดเดือนมิถุนายน 2563 อาทิ เขตตลิ่งชัน เขตบางขุนเทียน เขตคลองสาน เขตปทุมวัน เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดอนเมือง เขตดินแดง และเขตวัฒนา

‘สมหวังเงินสั่งได้’ เปิดตัวแคมเปญ THE HERO ส่งกำลังใจถึงคนไทยสู้ภัยโควิด-19

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 บริษัท ไฮเวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถและสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ ภายใต้แบรนด์ สมหวังเงินสั่งได้ นำโดย คุณศุภชัย บุญสิริ กรรมการผู้จัดการ จัดงานแถลงข่าว THE HERO เปิดตัวแคมเปญ สมหวังเงินสั่งได้ The Hero Project จัดทำบทเพลงพิเศษ ศรัทธา เวอร์ชั่น The Hero ขับร้องโดย 5 ศิลปินระดับประเทศ เพื่อส่งมอบกำลังใจครั้งสำคัญให้กับคนไทย และ Hero ผู้นำครอบครัวทั่วประเทศ ให้เดินหน้าฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปด้วยกัน

คุณศุภชัย บุญสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด เปิดเผยว่า สมหวังเงินสั่งได้ ตอกย้ำจุดยืนสำคัญที่จะเดินหน้าไปพร้อมกับทุกคน เพื่อต่อเติมฝันไปให้สุดและสมหวังไปด้วยกันในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากในการต่อสู้กับภัยโควิด-19 ที่ทุกภาคส่วนต้องการการสนับสนุนที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือถุงยังชีพต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาสมหวังฯ ก็ได้เข้าไปให้การสนับสนุนสิ่งของจำเป็นเหล่านี้ให้กับหน่วยงานรัฐ รวมถึงแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่โดยรอบสาขาสมหวังฯ กว่า 300 แห่งทั่วประเทศอย่างรวดเร็วที่สุด

ศุภชัย บุญสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด

สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างมากในทุกๆ ด้าน และต่อจากนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราคนไทยทั้งประเทศจะเดินหน้าต่อไป เพื่อร่วมด้วยช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้น เวลานี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนต้องการก็คือ “กำลังใจ” เพื่อเป็นพลังบวกในการก้าวต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัวที่พวกเขาเหล่านี้จะ “ล้มไม่ได้” เพราะนั่นหมายถึงทุกชีวิตในบ้านจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย

สมหวังฯ จึงได้เปิดตัว แคมเปญ สมหวังเงินสั่งได้ THE HERO เพื่อร่วมเชิดชูและส่งมอบกำลังใจให้กับบรรดา HERO ผู้นำครอบครัวทั่วประเทศที่ต้องต่อสู้กับสถานการณ์ที่ยากลำบากขณะนี้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยโปรเจคนี้จะมีการจัดทำบทเพลงพิเศษ ศรัทธา เวอร์ชั่น THE HERO ขึ้นมา โดยมีคุณโป่ง ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ หรือพี่โป่ง หินเหล็กไฟ เป็นผู้ดูแลงานเพลง และร่วมถ่ายทอดบทเพลงนี้ด้วยตัวเอง ร่วมกับ ศิลปินชั้นนำของเมืองไทยอีกหลายท่าน ได้แก่ ก้อง ห้วยไร่ ,ตั๊กแตน ชลดา, ครูเต้ย อภิวัฒน์ บุญเอนก และ เด่นคุณ งามเนตร ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของสมหวังเงินสั่งได้ มาเป็นผู้ถ่ายทอดกำลังใจครั้งสำคัญในครั้งนี้

สำหรับมิวสิกวิดีโอจะเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของบรรดาผู้นำครอบครัวทั่วประเทศ ที่กำลังมุ่งมั่น อดทน และต่อสู้ในทุกวิถีทาง เพื่อเดินหน้าหารายได้มาจุนเจือครอบครัวที่พวกเขารัก ซึ่งในมิวสิกวิดีโอมีฉากสำคัญที่ส่งความรู้สึกว่าเขาเป็นฮีโร่ที่อยู่ในใจของสมาชิกทุกคนในครอบครัวเสมอ และชาวสมหวังฯ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความหมายที่ทรงพลังของบทเพลงศรัทธาในเวอร์ชั่นนี้จะสร้างสรรค์พลังบวก และสร้างกำลังใจให้คนไทยทุกคนทุกครอบครัว

“แม้ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้จะทำให้ทุกคนพบกับความยากลำบาก แต่ผมอยากฝากไว้ว่า อย่าลืมที่จะหันไปมองทุกคนในครอบครัวของเรา ที่วันนี้เขาอาจต้องการกำลังใจจากเรามากๆ นะครับ ผมและชาวสมหวังเงินสั่งได้ ขอร่วมส่งกำลังใจให้กับชาวไทยและฮีโร่ของทุกครอบครัวทั่วประเทศครับ พวกเราจะเดินหน้าและสมหวังไปด้วยกันเสมอ และอย่าลืมว่าฝันจะเกิดไม่ได้ ถ้าเราไม่ศรัทธาครับ” คุณศุภชัย กล่าว

สามารถติดตามรับชม มิวสิกวีดิโอเพลงศรัทธา (The Hero Version ) นี้ได้ที่ช่องทาง YouTube สมหวัง เงินสั่งได้ / Facebook สมหวัง เงินสั่งได้ / Joox / true ID/ Spotify หรือดาวน์โหลดเพลง กด*339194 โทรออก พร้อมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เงาหุ้น : ACAP ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,325.88 จุด ลดลง 7.55 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 60,823.68 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 740.08 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 66.25 บาท ลบ 1 บาท, KBANK ปิด 92.25 บาท บวก 2 บาท, AOT ปิด 59 บาท ลบ 0.75 บาท, PTT ปิด 37.25 บาท ลบ 0.25 บาท และ MINT ปิด 20.30 บาท ลบ 0.60 บาท

การปรับฐานลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ, ยุโรป กดดันตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งเป็นผลจากการระบาดระลอก 2 ของไวรัส COVID-19 ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปกลับมาอีกครั้ง หลังมีข่าวสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป 3.1 พันล้านยูโร

ที่สำคัญ IMF ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกลงอีกครั้ง จากผลกระทบ COVID-19 ที่รุนแรงกว่าที่คาด โดยคาด GDP โลกปี 63 หดตัว 4.9%yoy ถือว่าหดตัวรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ Great depression ในปี 2472 จากก่อนหน้านี้ IMF คาดว่าจะหดตัว 3%yoy และปี 64 คาดว่าเศรษฐกิจจะพลิกกลับมาขยายตัว 5.4% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงแรงราว 6%

บล.เอเซีย พลัส แนะระยะสั้นชะลอการลงทุนหุ้น Global และหุ้นกลุ่มพลังงาน PTTEP และ PTT เช่นเดียวกับกลุ่มโรงกลั่น TOP -BCP-PTTGC-IRPC โดยราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมา ได้ขึ้นแรงสวนทางกับพื้นฐานที่ยังอ่อนแอ สะท้อนได้จากค่าการกลั่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก

ปิดท้าย มีข่าวตลาดหลักทรัพย์ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ของ บมจ.เอเชีย แคปปิตอล (ACAP) ด้วยความระมัดระวัง ก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องด้วยบริษัทได้เปิดเผยข้อมูล เกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ แนวทางแก้ไขปัญหา และผลกระทบต่อฐานะการเงิน สรุปได้ดังนี้

1.บริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนและหุ้นกู้ที่มีมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ให้ถึงกำหนดชำระโดยพลันมียอดรวม 689.40 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของสินทรัพย์รวม ณ 31 มี.ค.63

2.การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ตามข้อ 1 เป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ รวม 1,885.98 ล้านบาท คิดเป็น 49% ของสินทรัพย์รวม

3.บริษัทจะเร่งขายทรัพย์ และหาแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาชำระคืนหนี้เงินกู้ โดยฐานะการเงินของบริษัทยังมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ครบ…จึงต้องระมัดระวังการลงทุน!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ

เชสเตอร์ ปรับโฉมใหม่ เปิดร้านต้นแบบ Co-Working Space ตอบโจทย์บริการผู้บริโภคยุคดิจิทัล

นายกัณฑพัชร์ เชิดเพ็ชรัตน์ ผู้จัดการสำนักพัฒนาธุรกิจ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด ธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า เชสเตอร์ ได้ปรับปรุงร้านสาขาห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ให้เป็นร้านต้นแบบ ในรูปแบบร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด รวมกับ Co-Working Space เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ทันสมัย บรรยากาศโปร่งสบาย ที่สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน รวมไปถึงสามารถจัดการประชุมหรือทำงานนอกสถานที่ได้

“ร้านเชสเตอร์สาขานี้มีการดีไซน์ร้านที่ทันสมัยมากขึ้น ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนที่สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ และยังได้นำเครื่องดื่มรีฟิล แบบบริการตัวเอง ให้ลูกค้าสามารถผสมเครื่องดื่มอัดลมในรสชาติต่างๆ (Mix your drink) ได้ตามที่ต้องการ โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. และยังมีแผนที่จะปรับปรุงร้านให้เป็นรูปแบบดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 10 สาขาภายในปีนี้”

ทั้งนี้ ร้านเชสเตอร์ยังจัดโปรโมชั่นให้อิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารคุณภาพยอดนิยมที่หลากหลาย ด้วยราคาสุดคุ้ม อาทิ ซื้อ 1 แถม 1 ชุดข้าวอบไก่ย่าง เฟรนช์ฟรายส์ และเครื่องดื่ม 16 ออนซ์ ในราคา 179 บาท จากปกติราคา 358 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 3 กรกฎาคม 2563 และ ซื้อ 1 แถม 1 เมนูใหม่ บะหมี่ไก่เทอริยากิ พร้อมเครื่องดื่ม เพียง 114 บาท จากราคาปกติ 228 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563

ขณะเดียวกัน ยังมีโปรโมชั่น ไก่ย่าง 4 ชิ้น ในราคา 99 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2563 พร้อมด้วยโปรโมชั่นลด 50% ข้าวไก่กรอบซอสน้ำปลา พร้อมเครื่องดื่ม เพียง 65 บาท จากราคาปกติ 131 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563 และเบอร์เกอร์หมู เบอร์เกอร์ไก่ หรือ ฮอทดอก 3 ชิ้น 100 บาท สามารถคละได้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2563 ทั้งรับประทานที่ร้าน หรือซื้อกลับบ้าน (Take Away) และเดลิเวอรี่ โทร. 1145

ร้านเชสเตอร์ทุกสาขา เน้นย้ำความปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด คุมเข้มทุกมาตรการด้านสุขอนามัยรับวิถี New Normal โดยขอความร่วมมือจากลูกค้า สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้าน ตลอดจนการเว้นระยะห่างทางสังคม เข้าแถวชำระสินค้า จำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้าร้านตามพื้นที่ของแต่ละสาขา เพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการที่สะอาด ปลอดภัย ให้กับลูกค้า

เอไอเอส ชูวิสัยทัศน์ 5G ฟื้นฟูประเทศไทย สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา วิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง และก่อให้เกิด “ชีวิตวิถีใหม่” ตามมา ทั้งนี้ ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเข้ามาเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยประคับประคองและเสริมขีดความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อย่าง AIS 5G ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ดิจิทัลเส้นใหม่ ที่ได้เริ่มนำมาใช้ช่วยเหลือ เพื่อหล่อเลี้ยงประเทศจากวันนี้เป็นต้นไป

ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เอไอเอสได้ลงทุนมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท โดยในปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนไว้ที่ 35,000-45,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเอไอเอสเป็นผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider ที่ถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด คือ LOW BAND (700-900 MHz) 50 MHz, MID BAND (1800-2600 MHz) 170 MHz และ HIGH BAND (26 GHz) 1200 MHz และเปิดให้บริการ AIS 5G เป็นรายแรกของประเทศตั้งแต่วันที่  21 ก.พ. 2563 พร้อมขยายเครือข่ายไปครบทั้ง 77 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นวัฒกรรม AIS 5G ที่ประเทศไทย เป็นกลุ่มแรกของโลกที่นำมาใช้งานจริง ประกอบไปด้วย

·       5G Dual Mode SA/NSA

เทคโนโลยี SA – Stand Alone และ NSA – None Stand Alone  Dual Mode ที่สามารถผสมผสานระหว่าง เครือข่าย 5G โดยเฉพาะ และเครือข่าย 5G ที่ทำงานร่วมกับ 4G พร้อมรับอนาคตในการใช้งาน 5G ในหลากหลายประโยชน์ในรูปแบบ Massive IoT และ Mission Critical

·       5G Network Slicing

เทคโนโลยี 5G Network Slicing  ที่เสมือนมีหลากหลายเครือข่ายอยู่ในเครือข่ายเดียว (Multi Network In One Network)  ทำให้สามารถออกแบบเครือข่ายแต่ละชั้นได้อย่างสอดคล้องและยืดหยุ่นกับลักษณะของอุตสาหกรรมแต่ละรูปแบบ แต่ละพื้นที่ ได้อย่างคล่องตัว เต็มประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การทำธุรกิจของแต่ละองค์กรได้อย่างเต็มที่

จากขีดความสามารถของเครือข่าย AIS 5G เมื่อผสมผสานเข้ากับคุณสมบัติของ 5G  ทำให้เหมาะสมต่อการเสริมขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมหลักทั้งหมด ที่จะเป็นกลไกในการฟื้นฟูประเทศนั่นเอง  ดังนี้

(1)    ภาคสาธารณสุข

AIS 5G ทำงานร่วมกับ Robot และ AI เข้าไปสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการ คัดกรองคนไข้ (Robot for Care), Telemedicine, AI Assisted CT SCAN และ Mobile Stroke Unit ตลอดช่วงระยะของการแพร่ระบาดรุนแรง จนถึงการผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตร (Strategic Partner) เพื่อพัฒนา Telemedicine อย่างต่อเนื่อง

(2)    ภาคอุตสาหกรรมในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor –  EEC)  

5G ในฐานะ ICT Infrastructure เพื่อเสริมขีดความสามารถในการบริหารจัดการในทุกๆส่วนงาน ประกอบด้วย

–          ภาคพื้นดิน กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย อมตะ คอร์ปอเรชัน, สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง, กลุ่ม WHA ที่เริ่มทดลองสอบ 5G Smart City แล้ว

–          ภาคทางอากาศ : บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น ในนาม กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ผู้ชนะการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G Smart Airport แล้ว  

–          ภาคทางทะเล : การท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G แล้ว ในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง

(3)    ภาคการค้าปลีก

AIS 5G อยู่ระหว่างการพัฒนา 5G Smart Retail ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล ในฐานะหัวหอกสำคัญของภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก ที่ครอบคลุมตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ของการใช้ชีวิตของคน ในฐานะการกระจายรายได้ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ซื้อ รวมถึงมีอัตราการจ้างงานถึง 2 ใน 3 ของประเทศ

(4)    Multimedia ใหม่สร้าง Immersive Experience

 5G Immersive Experience กับเทคโนโลยี AR/VR พร้อมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างประสบการณ์ใหม่ของ Unseen Thailand ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึง คอนเทนต์ด้านการศึกษา และความบันเทิง พลิกโฉมการสร้างสรรค์คอนเทนท์ของ Creator สัญชาติไทย ด้วย Next Reality Studio – AR/VR Studio แห่งแรกของเมืองไทย

(5)    Sustainability Development

5G กับการพัฒนา สิ่งแวดล้อม การเกษตร และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยผนึกพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้าง SDG Lab ในพื้นที่ 100 ไร่ ใน อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี หรือสวนป๋วย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต้นแบบการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมที่สุดแห่งหนึ่ง”

รวมทั้งประกาศแพลทฟอร์มการเรียนรู้ LearnDi จาก AIS Academy for Thais ขยายการสร้างความเข้มแข็งการพัฒนาบุคลากรสู่แต่ละองค์กรทั่วประเทศ

นายสมชัย กล่าวว่า  เอไอเอส พร้อมที่จะนำ AIS 5G ที่ดีที่สุด เข้ามาเป็นเส้นเลือดใหญ่ดิจิทัลหลักของประเทศไทยจากวันนี้เป็นต้นไป เพราะวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญของคนไทยและทั่วโลกว่า ท่ามกลางวิกฤตยังมีโอกาสอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ  โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น ถือว่ามีจุดแข็งซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนว่า มีระบบสาธารณสุขที่เป็นเลิศ,มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม, เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นเมื่อนำดิจิทัลอย่าง 5G เข้าไปผสมผสานในกระบวนการที่เกี่ยวข้องของภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ย่อมทำให้เป็นพลังช่วยพลิกฟื้นประเทศไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตได้อย่างดีที่สุด