Home Blog Page 13

AIS จับมือ ธ.กรุงไทย ให้บริการ “PromptBIZ” ผ่านแพลตฟอร์ม Krungthai BUSINESS รายแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดเผยว่า AIS Business ร่วมมือกับพันธมิตรหลักอย่างธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้แพลตฟอร์ม Krungthai BUSINESS เปิดให้ลูกค้าองค์กรของเอไอเอสใช้บริการ “PromptBIZ”  ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการชำระเงินกลางสำหรับภาคธุรกิจของประเทศ  ในการทำธุรกรรมการค้าและการชำระเงินขององค์กรให้เป็นไปอย่างคล่องตัว รวดเร็ว เพราะสามารถดำเนินการข้ามธนาคารในรูปแบบดิจิทัลได้แบบครบวงจร อีกทั้ง เชื่อมโยงระบบภาษี ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มุ่งสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นายธวัชชัย ชีวานนท์ ประธานผู้บริหาร Product & Business Solutions ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ  AIS Business  ครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของ  2 องค์กรชั้นนำของประเทศ  ในการนำระบบ  “PromptBIZ” บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม  Krungthai BUSINESS มาเสริมศักยภาพการทำธุรกิจของเอไอเอสและคู่ค้าตลอดซัพพลายเชนให้เป็นระบบดิจิทัลแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดการข้อมูลเอกสาร ลดการใช้กระดาษ โดยเปลี่ยนเอกสารทางการค้าจากกระดาษเป็นเอกสารการค้าดิจิทัล อำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามธนาคารผ่านแพลตฟอร์ม จากเดิมที่ลูกค้าองค์กรของเอไอเอสต้องนำใบแจ้งค่าบริการไปชำระและรับใบเสร็จรับเงินหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องที่ศูนย์บริการ AIS หรือจุดรับวางบิลธุรกิจ สามารถชำระเงินข้ามธนาคารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดินทาง

อีกทั้งยังลดเวลาการทำงานของพนักงานในการตรวจสอบความถูกต้อง Reconcile เอกสารทางการค้า และรับชำระเงินผ่านแพลตฟอร์ม  ตลอดจนสามารถรองรับการทำรายการหักและนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายอัตโนมัติ (Krungthai e-Withholding Tax) โดยไม่ต้องออก 50 ทวิให้กับคู่ค้า การจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงต่อยอดการใช้ข้อมูลไปยังธุรกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น การให้สินเชื่อธุรกิจผ่านบริการ Digital Supply  Chain Finance ซึ่งใช้ข้อมูลธุรกรรมการค้าบนระบบ PromptBIZ ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ ช่วยให้คู่ค้าของเอไอเอส โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น บนต้นทุนที่เหมาะสม ป้องกันการใช้ข้อมูลมาขอสินเชื่อซ้ำ (Double Financing) ตอบโจทย์การดำเนินงานของทั้ง 2 องค์กร  ที่มุ่งสนับสนุนทุกภาคส่วนในสังคมให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่ Digital Economy

“เมืองไทยประกันชีวิต” ขนทัพผลิตภัณฑ์-โปรโมชันโดนใจ ร่วมงาน MONEY EXPO 2023 BANGKOK YEAR-END

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม งานมหกรรมการเงิน Money Expo  พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้เกียรติร่วมเปิดบูธ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี ครั้งที่ 6 “MONEY EXPO 2023 BANGKOK YEAR-END”  โดยมี นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ผู้บริหาร ตัวแทน นักวางแผนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธี ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ทั้งนี้ นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต ได้ขนทัพผลิตภัณฑ์และบริการเด่นโดนใจ เข้าร่วมมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี     ครั้งที่ 6 “MONEY EXPO 2023 BANGKOK YEAR-END”  ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ต้องการสร้างโอกาสและการเข้าถึงประกันชีวิตแก่ประชาชนทั่วไปมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างครบถ้วน พร้อมจัดเตรียมกิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้มไว้อย่างเต็มที่

โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นไฮไลท์ในงาน มีดังนี้  แบบประกันภัยเมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ โปร 10/1 (Global), เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/3 (Global),  เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/6 (Global),  สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ ดี เฮลท์ พลัส (D Health Plus), สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบอีลิท เฮลท์ พลัส (Elite Health Plus)  และโครงการเหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า (เหมาจ่าย Extra) ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการ ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็เลือกได้ในแบบที่เป็นคุณ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ที่ชำระเบี้ยประกันภัยงวดแรกต่อกรมธรรม์ตั้งแต่ 50,000 บาท จนถึง 2,000,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้น mDesign และ mGrow615) สำหรับ    แบบประกันเมืองไทย ยูแอล พลัส ไม่นับรวมเบี้ย Top Up  รวมทั้งมี Special Promotion สำหรับผลิตภัณฑ์ เมืองไทย สมาร์ท  ลิงค์ 15/6 (Global),  เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ โปร 10/1 (Global),  เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/3 (Global)   สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ  ดี เฮลท์ พลัส  และ อีลิท เฮลท์ พลัส  รวมถึงลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน   ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้       ภายในบูธเมืองไทยประกันชีวิต

สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ที่มาร่วมกิจกรรมภายในบูธสามารถเช็คสิทธิพิเศษ เช็คข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ เช็คข้อมูล Smile Point รวมถึงยังสามารถใช้คะแนนสะสม แลกของที่ระลึก และบัตรกำนัลต่างๆ อีกมากมายอีกด้วย และหากยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถสอบถามและสมัครสมาชิกฯ ได้ที่          จุดบริการสไมล์คลับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ        

แล้วพบกันที่ บูธเมืองไทยประกันชีวิต  มหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี  ครั้งที่ 6 “MONEY EXPO 2023 BANGKOK YEAR-END”  ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

AIS eSports ปิดฉากเวที Pokémon UNITE  ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านบาท

AIS eSports ตอกย้ำภารกิจส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทย ล่าสุดผนึกกำลัง The Pokémon Company ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เปิดเวทีให้โปเกมอนเทรนเนอร์สาวกเกม Pokémon UNITE ได้มาประชันความสามารถในศึก AIS 5G eSports OPEN Thailand 2023: Pokémon UNITE Road to ACL 2024 การแข่งขันเกมโปเกมอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีทีมเข้าร่วมชิงชัยมากถึง 107 ทีมจากทั่วประเทศ ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาท งานนี้ทีม eArena เจ้าของฉายา กระต่าย ไร้พ่าย!! โชว์ฝีมือสุดเจ๋งคว้าแชมป์ได้สำเร็จ พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยคว้าตั๋วสู่การแข่งขันในเวทีระดับเอเชีย Pokémon UNITE Asia Champions League 2024

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า เป็นการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ระหว่าง AIS และ The Pokémon Company ประเทศญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการเปิดพื้นที่ให้เหล่าเกมเมอร์ได้มาโชว์ศักยภาพและประชันฝีมือ รวมถึงสร้างโอกาสให้ผู้ชนะก้าวสู่การแข่งขันในเวทีระดับโลกต่อไป สำหรับการจัดการแข่งขัน AIS 5G eSports OPEN Thailand 2023: Pokémon UNITE Road to ACL 2024 ถือเป็นทัวร์นาเมนต์เกม Pokémon UNITE ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นการนำคาแรคเตอร์ตัวละครในการ์ตูนยอดฮิตตลอดกาลอย่างโปเกมอนมาใช้ จึงทำให้เกม Pokémon UNITE ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีจำนวนยอดดาวน์โหลด Pokémon UNITE มีทะลุ 50 ล้าน และมีผู้ใช้งานมากกว่า 25 ล้านคนต่อเดือนทั่วโลก ทำให้ในปีนี้มีทีมสนใจมีทีมเข้าร่วมชิงชัยมากถึง 107 ทีมจากทั่วประเทศ

“ขอแสดงความยินดีกับทีมทีม eArena ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำสถิติไร้พ่ายในทุกรอบการแข่งขัน จนสามารถคว้าแชมป์ และเป็นตัวแทนของไทยเข้าร่วมการแข่งขันต่อในรายการ PUACL 2024 Bangkok final และทีม Get Together และ Sincerity II จะได้เข้าร่วมการแข่งขันต่อในรายการ PUACL SEA League ที่จะจัดขึ้นในเดือนมกราคม โดยมีตัวแทน 8 ทีมจากประเทศ Thailand, Philippines, Indonesia, Malaysia/Singapore สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ The Pokémon Company ที่มองเห็นถึงโอกาสของวงการเกม และ อีสปอร์ตในประเทศ ผ่านการทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่น เชื่อว่าการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ จะเป็นพลังสำคัญต่อการสร้างการเติบโตให้กับ Ecosystem ของอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ต รวมถึงระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศต่อไป”

ตัวแทน ทีม eArena เปิดเผยว่า “สำหรับการแข่งขันเกม Pokémon UNITE ในรอบสุดท้ายนี้ พวกเราได้เตรียมความพร้อม และฝึกซ้อมกันมาเป็นอย่างดี เพราะเชื่อว่าต้องมาเจอกับทีมเก่งๆ ที่ผ่านเข้ามาในการรอบสุดท้าย ขอขอบคุณ AIS ที่จัดทัวร์นาเมนต์การแข่งขัน Pokémon UNITE ให้พวกเรามีพื้นที่ในการโชว์ความสามารถ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกมเมอร์พัฒนาตัวเองเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน สำหรับการคว้าแชมป์ในครั้งนี้พวกเราจะทำหน้าที่ตัวแทนของประเทศไทยให้ดีที่สุด และคว้าแชมป์กลับมาให้ได้ครับ”

สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ เดือนพ.ย. 2566

ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลการประชุม FED มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 อยู่ที่ระดับ 5.00%-5.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ยังส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 แต่เริ่มเห็นผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนคาดว่า FED จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนธันวาคม และคาดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนมีนาคมปีหน้า ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ อ่อนตัวลงและเห็นเงินทุนไหลเข้าในสินทรัพย์เสี่ยง

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออก อีกทั้งประเมินเศรษฐกิจขยายตัว 2.4% และ 3.8% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) ของไทยถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แสดงถึงนโยบายการเงินของไทยในปัจจุบันที่ค่อนข้างตึงตัว อีกทั้งประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในอีก 12 เดือนข้างหน้าถูกนักวิเคราะห์ปรับลดลงต่อเนื่องจากต้นปีนี้ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังไม่ดึงดูดใจผู้ลงทุน

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
• ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 SET Index ปิดที่ 1,380.18 จุด ปรับลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลง 17.3% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า
• ในเดือนพฤศจิกายนปี 2566 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน และกลุ่มเกษตรและอาหาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
• ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 45,804 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 28.9% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 11 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 54,399 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่สิบ โดยในเดือนพฤศจิกายน 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 21,132 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19
• ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ซื้อขายใน SET 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ (ETL) และ บมจ. วินโดว์ เอเชีย (WINDOW) และใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท (SCL)
• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ระดับ 16.2 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 18.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า

• อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ระดับ 3.25% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.43%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
• ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 455,273 สัญญา ลดลง 11.1% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 536,386 สัญญา ลดลง 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures

บลจ.วรรณ-เมืองไทยประกันชีวิต จับมือออกกองทุน ONE-ULTRAPLUS พร้อมรับสิทธิความคุ้มครองประกันชีวิตและสุขภาพ

บลจ.วรรณ ชู กลยุทธ์ Active Asset Allocation ผ่านกองทุนล่าสุด ONE-ULTRAPLUS เน้นลงทุนสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นต่างประเทศ พร้อมรับสิทธิความคุ้มครองประกันชีวิตและประกันสุขภาพจากบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และสิทธิลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน ONE-ULTRAPLUS-ASSF เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 6-19 ธ.ค. นี้

นายพจน์  หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า  ขณะนี้บริษัทเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิด วรรณ อัลตร้า อินคัม พลัสฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (ONE-ULTRAPLUS-RA) และ กองทุนเปิดวรรณ อัลตร้า อินคัม พลัส ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม แบบไม่จ่ายเงินปันผล (ONE-ULTRAPLUS-ASSF)  ระหว่างวันที่ 6-19 ธันวาคมนี้  ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้  และ/หรือเงินฝาก ทั้งในประเทศหรือ/และต่างประเทศ โดยกองทุน ONE-ULTRAPLUS-RA และ ONE-ULTRAPLUS-ASSF ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล โดยผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนทั้ง 2 กองทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ซึ่งสิทธิการคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับจำนวนหน่วยของผู้ถือหน่วยลงทุน

“ONE-ULTRAPLUS-RA และ ONE-ULTRAPLUS-ASSF มีการบริหารพอร์ตที่มีสัดส่วนการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น 0-100% โดยพอร์ตการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 จะมีการบริหารเชิงรุกมากขึ้น ผลจากการศึกษาย้อนหลังทางสถิติ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า พอร์ตการลงทุนที่มีสินทรัพย์ทางเลือกจะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ที่ 8-9% ต่อปี ดังนั้นพอร์ตการลงทุนของ ONE-ULTRAPLUS ที่เน้นกระจายการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะหุ้นต่างประเทศประมาณ 60% หุ้นในประเทศประมาณ 10% ตราสารหนี้ไทยประมาณ 20% และสินทรัพย์ทางเลือกประมาณ 10% ซึ่งมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 6-8%ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย) 

นอกจากนี้  กองทุน ONE-ULTRAPLUS มีข้อแตกต่างจากกองทุนอื่นในอุตสาหกรรมของประเทศไทย คือ กองทุน ONE-ULTRAPLUS ได้มีการจดทะเบียนกองทุนเป็นประเภท Super Saving Fund (SSF) เพิ่มเติม คือ ONE-ULTRAPLUS-ASSF  เพื่อรับสิทธิลดหย่อนทางภาษี ซึ่งผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุน ONE-ULTRAPLUS-ASSF จะได้รับสิทธิประโยชน์ถึง 3 ข้อ ได้แก่ 1. เปิดโอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมายเฉลี่ย  2. ผู้ลงทุนที่ถือครองหน่วยลงทุนตั้งแต่ 4,500 หน่วยขึ้นไป รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตและสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพ โดยเบี้ยประกันภัยจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ส่วนในด้านการชำระค่าเบี้ยประกันทางบลจ.วรรณจะเป็นผู้รับภาระค่าเบี้ยประกันภัยทั้งหมด ซึ่งผู้ลงทุนไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และ 3. ได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีตามหลักเกณฑ์ กองทุนลดหย่อนภาษี SSF

กองทุน ONE-ULTRAPLUS-RA และ ONE-ULTRAPLUS-ASSF   นับว่าเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกของ บลจ.วรรณ และ เมืองไทยประกันชีวิต  ซึ่งเราได้บริษัท เคจีไอ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทแม่ของวรรณ เป็นผู้คัดเลือกบริษัทประกันชีวิตที่ดีให้แก่บลจ.วรรณ นับเป็นกองทุนแรกของประเทศไทยซึ่งยกระดับนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่อีกขั้นที่นำผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองสุขภาพและชีวิตผนวกเข้ากับเรื่องของการลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อมอบโอกาสได้รับผลตอบแทนพร้อมเพิ่มมูลค่าการลงทุนด้วยสิทธิลดหย่อนทางภาษีรวมเป็นหนึ่งกองทุน บลจ.วรรณ มีความเชื่อมั่นว่า ลักษณะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนในยุคนี้โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกัน ภายใต้แนวคิดเงินก้อนเดียว คือ ชีวิต สุขภาพ ความมั่งคั่ง ถือเป็นการสร้างความแตกต่างของอุตสาหกรรมกองทุนรวมและเพิ่มมูลค่าการลงทุนที่ดี

นายพุฒิพัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานประกันกลุ่ม บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชนกล่าวว่า ความคุ้มครองจากเมืองไทยประกันชีวิตที่มอบให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนภายใต้กองทุน ONE-ULTRAPLUS ครอบคลุมการประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพ แบ่งออกเป็น 5 แผน คือ แผนที่ 1 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 4,500 หน่วยแต่ไม่ถึง 45,000 หน่วย,  แผนที่ 2 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 45,000 หน่วย แต่ไม่ถึง 145,000 หน่วย, แผนที่ 3 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 145,000 หน่วย แต่ไม่ถึง 450,000 หน่วย, แผนที่ 4 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 450,000 หน่วย แต่ไม่ถึง 900,000 หน่วย และแผนที่ 5 หน่วยลงทุนตั้งแต่ 900,000 หน่วยขึ้นไป 

โดยให้ความคุ้มครองทั้งกรณีการเสียชีวิต  และการรักษาแบบผู้ป่วยใน  (IPD)  ทั้งค่าห้องผู้ป่วยปกติ  ค่าห้องผู้ป่วยหนัก (I.C.U.)  ค่าแพทย์  ค่าตรวจ ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น รวมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) (เงื่อนไขเป็นไปตามแผนความคุ้มครองที่ บลจ.วรรณ และ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด) ผู้มีสิทธิได้รับความคุ้มครองประกันชีวิตและสุขภาพดังกล่าว จะต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีอายุระหว่าง 15-75 ปี  มีสุขภาพแข็งแรง โดยความคุ้มครองจะเริ่มต้นทุกวันที่ 1 ของแต่ละไตรมาส หรือ   1 มกราคม หรือ 1 เมษายน หรือ 1 กรกฎาคม หรือ 1 ตุลาคมของทุกปี  และระยะเวลาของความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่ม (ระยะเวลากรมธรรม์มีผลบังคับ 1 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม –    31 ธันวาคม 2567 เงื่อนไขเป็นไปตามแผนความคุ้มครองที่ บลจ.วรรณ และ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด)

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ยังได้เตรียมนวัตกรรมการบริการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยไว้ให้บริการอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น MTL Click  Application ที่รวบรวมทุกบริการของเมืองไทยประกันชีวิต ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ ทั้งการเช็กกรมธรรม์เพื่อดูผลประโยชน์และความคุ้มครอง การปรึกษาหมอออนไลน์ การยื่นเคลมหรือติดตามผลการเคลมสินไหม  รวมถึงบริการ MTL Health Buddy  ดูแลครบเครื่อง เรื่องสุขภาพ ผู้ช่วยด้านสุขภาพครบวงจร สามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญ แพทย์เฉพาะทาง ค้นหาแพทย์ที่เหมาะกับโรค การทำนัดหมายติดต่อเข้ารับการรักษา ผ่านเครือข่ายโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพียงโทร. 0 2290 2424 กด 3 และ MTL Fit  Application ตัวช่วยด้านการออกกำลังกายที่จะทำให้คุณรู้จักสุขภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการคำนวณ Health Score และทำกิจกรรม Weekly Goal เช่น การนับก้าวเดิน การนับจำนวนนาทีที่ออกกำลังกาย รวมถึง Challenge ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสนุกและได้ประโยชน์จากการออกกำลังกาย พร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมจากการออกกำลังกายสอดรับกับเทรนด์สุขภาพในปัจจุบันอีกด้วย

“KCC” ขน NPA ทำเลหรูพร้อมทีมปรึกษาแก้หนี้ ร่วมงาน Money EXPO 2023

“KCC” ขนทรัพย์สินรอการขาย 156 ล้านบาท คัดทรัพย์ชิ้นงามกว่า 40 รายการ ร่วมงาน Money EXPO 2023 วันที่ 14-17 ธ.ค. นี้ มอบสิทธิเศษลูกค้าซื้อทรัพย์ในงานเพียบ!!  พร้อมทั้งยกทัพทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ให้คำปรึกษาเรื่องปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ทุกประเภทฟรี!! 

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 14-17 ธันวาคม 2566 KCC จะนำสินทรัพย์รอการขาย(NPA) มูลค่ารวมกว่า 156 ล้านบาท เข้าร่วมออกบูธในงาน Money EXPO 2023 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บูท P17

การร่วมออกบูธครั้งนี้ KCC มี โปรโมชั่นดีๆ ให้กับลูกค้าที่สนใจจะซื้อทรัพย์ NPA ของบริษัท โดยเราได้คัดบ้านมือสอง ทำเลทอง มากกว่า 40 รายการ มาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษ 3 ต่อ ได้แก่

ต่อที่ 1 ส่วนลดราคาขายพิเศษเฉพาะในงาน

ต่อที่ 2 เมื่อลูกค้าซื้อบ้านมือสองในราคาที่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท จะฟรีค่าโอนฯ หาก ซื้อบ้าน 5 ล้านบาท ขึ้นไปจะได้รับ Gift Voucher IKEA มูลค่า 50,000 บาท!

ต่อที่ 3 วางจองขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท เฉพาะผู้จองซื้อในงานเท่านั้น และหากกู้ไม่ผ่านคืนเงินจองฟรี (ต้องแจ้งผลปฏิเสธสินเชื่อ ภายใน 15 ก.พ.2567)

นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนำ NPA ไปร่วมขายในงานแล้ว KCC ยังได้มีการจัดบูธ “มีหนี้แก้ได้” เพื่อให้คำปรึกษากับลูกหนี้ทุกประเภท ทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน รวมทั้งการวางแผนจัดการหนี้ และการแก้ไขหนี้เสียอย่างเป็นระบบ โดยเป็นการให้คำปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย บริษัทมีความคาดหวังเป็นอย่างมากว่าในการไปร่วมงานครั้งนี้ จะได้ช่วยให้คำปรึกษาการแก้หนี้กับลูกหนี้  จะช่วยเพิ่มการรับรู้ของบริษัทในตลาดได้มากยิ่งขึ้น และคาดหวังว่าจะมีผู้สนใจจองซื้อทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ที่บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษให้เฉพาะงานนี้เท่านั้น

“อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลให้ธนาคารปล่อยกู้ยากขึ้น และตัวผู้ซื้อเองที่มีกำลังซื้อต่ำลงจึงชะลอการซื้อทรัพย์ในภาพรวม แต่ในส่วนของ KCC ไม่ค่อยมีผล เพราะทรัพย์ NPA ของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ที่อยู่ในโครงการที่มีชื่อเสียงและมีทำเลที่ดี ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ต่างจากทรัพย์ประเภท อาคารชุดหรือทรัพย์ในต่างจังหวัด ที่การขายอาจจะลำบากมากขึ้น ซึ่งจะสามารถเห็นภาพได้ชัดเจน จากผลดำเนินงานของบริษัท KCC ในงวด 9 เดือน จะพบว่า มีกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขาย 9.62 ล้านบาทเพิ่มขึ้น  5.54 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น  135.78 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน” นายทวี กล่าว

AWC ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ทำคะแนนความยั่งยืนอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรม

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets Indices) เป็นปีแรก โดยมีคะแนนความยั่งยืนจากการประเมินผล Corporate Sustainability Assessment (CSA) โดย S&P Global สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ (Hotels, Resorts & Cruise Lines) สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3BETTERs ของ AWC คือ BETTER PLANET BETTER PEOPLE และ BETTER PROSPERITY เพื่อส่งมอบคุณค่าและสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และร่วม ‘สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า’ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน และสร้างสรรค์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า “AWC เชื่อมั่นในการร่วมรวมพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน และสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก การได้รับเลือกให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่ม DJSI Emerging Markets เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมของไทยด้วยคะแนนเป็นอันดับ 1 จากบริษัททั้งหมดทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญที่เข้าร่วมการประเมินกับ S&P Corporate Sustainability Assessment และเป็น 1 ใน 28 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในปีนี้ โดยจะเป็นพลังให้กับผู้บริหารและพนักงาน AWC รวมทั้งพันธมิตรได้เดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไป”

AWC มุ่งดำเนินงานตามกรอบพัฒนาด้านความยั่งยืนภายใต้ 3 เสาหลัก หรือ 3BETTERs ใน 9 มิติ ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าองค์รวมและการเติบโตในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างสมดุล โดยให้ความสำคัญครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ แบ่งเป็น

  • BETTER PLANET เพื่อโลกที่ยั่งยืนของเรา มุ่งดำเนินงานทางด้านสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ โดยภายในปี 2573 AWC ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยรายได้ร้อยละ 20 และมุ่งสู่การจัดการขยะตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดขยะสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ (Net Positive Impact) เพื่อพิทักษ์สภาพสมดุลในระบบนิเวศ
  • Better People เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน การมุ่งพัฒนาทรัพยากรบุคลากรขององค์กรและอาชีวอนามัย ความปลอดภัย รวมไปถึงสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนที่โครงการของ AWC ตั้งอยู่ในหลากหลายมิติ โดยภายในปี 2573AWCตั้งเป้าว่าทุกตำแหน่งที่สำคัญในองค์กรต้องมีผู้สืบทอดที่มีความพร้อม อัตราอุบัติเหตุต่อการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรของพนักงานต้องเป็นศูนย์ และทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือ AWC ต้องสามารถส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนและสังคมผ่านโครงการเพื่อชุมชนต่างๆ
  • Better Prosperity เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกัน ให้ความสำคัญเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองในวงกว้าง โดยภายในปี 2573 AWC ตั้งเป้าคว้ารางวัล 5 Golden Arrow จาก ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS) อีกทั้ง ยังมุ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมเพื่อสร้างคุณค่าและความยั่งยืนในระยะยาวตลอดห่วงโซ่คุณค่า

DJSI ถือเป็นดัชนีวัดความยั่งยืนแรกของโลกที่ใช้ประเมินผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในด้านบรรษัทภิบาล เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม รวมถึงเป็นดัชนีที่สถาบันการลงทุนและกองทุนจากทั่วโลกให้การยอมรับและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับพิจารณาเพื่อประกอบการลงทุน

 นอกจากการได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์เป็นปีแรกแล้ว AWC ยังได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ที่ระดับ ‘A’ ในกลุ่มของอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้าน ESG เพื่อใช้ขับเคลื่อนธุรกิจด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ซีพี ออลล์ รับรางวัลส่งเสริมธรรมาภิบาล 2566 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลส่งเสริมธรรมาภิบาล 2566 ให้กับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ โดยมี นางสาวกรณิศ ธนสุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีพี ออลล์ เป็นผู้แทนรับมอบ ในงานมอบรางวัล ANTI-CORRUPTION AWARDS 2023

งานมอบรางวัลดังกล่าว จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ที่ห้องเบญจนฤมิต ชั้น 4 อาคารเบญจรังสฤษฏ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เมื่อวันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2566 

ทีมจิตอาสา CPF ปลูกฝังเด็กให้รักการออม สอนทำบัญชีครัวเรือน

ทีมจิตอาสา บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ขับเคลื่อน “โครงการ CSR บัญชีการเงิน CPF สร้างสุข-สอนการออมให้น้อง” ปูพื้นฐานการทำบัญชีครัวเรือนปลูกฝังนิสัยรักการออม แก่เด็กและเยาวชน โรงเรียนวัดบางกะทิง (พิศิษฐ์วิทยาคาร) โรงเรียนวัดบันไดช้าง และ โรงเรียนวัดประดู่โลกเชษฐ์ รวมทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นางสาวทิพรัตน์ วงศ์วัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร หน่วยงาน FSIS นำคณะผู้บริหารและเพื่อนพนักงานจิตอาสาจากทีมบัญชีการเงิน ร่วมกันเดินหน้าโครงการ CSR บัญชีการเงิน CPF โดยกิจกรรมครั้งที่ 2 ของปีนี้ มุ่งเน้นการแบ่งปันความรู้และปูพื้นฐานการทำบัญชีครัวเรือน ให้กับเด็กและเยาวชนในโรงเรียนต่างๆ เพื่อสร้างการตระหนักรู้และปลูกฝังการออม เห็นถึงประโยชน์ของการออมตั้งแต่วัยเด็ก ถือเป็นอีกกิจกรรมสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานแก่บุคลากร ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์เพื่อสังคม ด้วยการแบ่งปันโอกาสการเข้าถึงความรู้ด้านการออมให้กับนักเรียน ในโรงเรียนที่ขาดแคลน กิจกรรมครั้งนี้ ผู้บริหารและพนักงานได้มอบเงิน 61,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาและสนับสนุนการจ้างครูอัตราจ้าง

ทางด้าน นายสุนทร รองพล ผู้อำนวยการ รร.วัดบางกะทิง คณะครูและนักเรียน ร่วมกันขอบคุณ CPF ที่จัดกิจกรรมให้กับนักเรียนทั้ง 3 โรงเรียนที่อยู่ในการดูแลของ ผอ.สุนทร ทั้งการสอนทำบัญชีครัวเรือน พร้อมสร้างแปลงปลูกผักสลัด กรีนโอ้ค เรดโอ้ค บัตเตอร์เฮด ผักกาดหอม และสร้างโรงเพาะเห็ดนางฟ้ากับเห็ดฟาง เพื่ออาหารกลางวัน ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารในโรงเรียน และจัดเลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียน ชั้นอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้ง 60 คน รวมถึงสอนทำสไลม์และสายคล้องแมส เพื่อฝึกพัฒนากล้ามเนื้อและสมองให้เด็กๆ นอกจากนี้ ยังมอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่อการเรียนการสอนอีกด้วย

ส่วน ด.ญ.ธนพร การสมเนตร์ นักเรียนชั้น ป.5 รร.วัดบางกะทิง ขอบคุณพี่ๆ CPF ที่ร่วมกันจัดโครงการดีๆแบบนี้ให้น้อง ทุกคนรู้สึกดีใจและสนุกกับทุกกิจกรรม โดยเฉพาะการทำสไลม์ที่มีผู้สนใจร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก รวมถึงการปลูกพืชผักสวนครัว และการเรียนรู้ด้านบัญชีครัวเรือน ทำให้รู้วิธีทำรายรับรายจ่ายของตนเองและครอบครัว ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

งานนี้ นอกจากน้องๆ จะมีความสุขและได้รับความสนุกสนานแล้ว ยังสามารถนำความรู้ด้านบัญชีไปประยุกต์ใช้กับโครงการออมของโรงเรียน พร้อมทั้งสร้างเป็นวิชาเลือกให้กับนักเรียนในอนาคต

ซีพี ออลล์ คว้ารางวัล CAC Change Agent Award 2023 จากสถาบัน IOD 3 ปีซ้อน

ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ คว้ารางวัล CAC Change Agent Award 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับการรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกของแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption: CAC) ครั้งที่ 2  ตอกย้ำการบริหารธุรกิจภายใต้กรอบธรรมาภิบาลตลอดห่วงโซ่คุณค่า ร่วมขยายเครือข่ายความโปร่งใสไปยังบริษัทคู่ค้าผู้ประกอบการ SME เพื่อประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน สร้างแนวทางในการดำเนินธุรกิจร่วมกันอย่างมีธรรมาภิบาลตลอด Supply Chain

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน 3 เสาหลัก ประกอบด้วย Environment เพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืน, Social เพื่อส่งเสริมและสร้างคุณค่าที่หลากหลายต่อสังคม และ Governance and Economic เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างเข้มแข็งด้วยการกำกับดูแลที่ดี เป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อสร้างคุณค่าให้บุคลากรในองค์กรร่วมบรรลุเป้าหมาย และสร้างการเติบโตไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน

ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี ออลล์

“ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการวางระบบการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในและภายนอกองค์กร โดยประกาศเป็นนโยบายสำคัญ ซึ่งในปีนี้ซีพี ออลล์ ได้เดินหน้าจัดอบรมยกระดับคู่ค้าธุรกิจประเภท SME กว่า 58 ราย พร้อมเชิญชวนร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชันร่วมกับบริษัท 15 ราย เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจและร่วมสร้าง Supply Chain อย่างโปร่งใส ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นับตั้งแต่ปี 2557 ซีพี ออลล์ ได้เข้าร่วมแสดงเจตนารมณ์เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) และในปีนี้ถือเป็นความภูมิใจของซีพี ออลล์ ที่ได้รับการรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกของแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption :CAC) ครั้งที่ 2  ซึ่งมีผลต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2569 พร้อมเข้ารับรางวัล CAC Change Agent Awards 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีนางสาวกรณิศ ธนสุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลจาก ดร.กุลภัทรา สิโรดม ประธานกรรมการ สถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC)  ในงาน CAC National Conference 2023 “Public-Private Collaboration: A Strong Collective Action Against Corruption” ผนึกกำลังไตรภาคี สร้างความแข็งแกร่ง เพื่อความยั่งยืน  ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพ (Siam Kempinski Hotel Bangkok) เมื่อเร็วๆ นี้