ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 เม.ย.63 ปิดที่ 1,258.78 จุด ลบ 13.75 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 68,704.56 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,156.04 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 23.40 บาท ลบ 0.60 บาท, PTT ปิด 34 บาท บวก 0.25 บาท, PTTEP ปิด 76.25 บาท บวก 0.25 บาท, GULF ปิด 38 บาท ลบ 1.25 บาท, GPSC ปิด 69.25 บาท ลบ 3 บาท
ตลาดปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังมีข่าวยา “Remdesivir” ซึ่งเป็นยาต้าน COVID-19 ประสบผลล้มเหลวระหว่างการทดลองทางคลินิก
บล.เอเซียพลัสระบุว่า การเดินทางของ SET Index ที่ต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดช่วงกลางเดือน มี.ค.63 จนถึงปัจจุบันขึ้นมากว่า 303 จุด หรือ 31% แต่จากนี้ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่า SET Index มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงในระยะสั้น เนื่องจาก SET Index เตรียมทดสอบแนวต้านสำคัญทั้งในมุมมองทางปัจจัยพื้นฐาน และเทคนิค ดังนี้
หากพิจารณาจาก Valuation ทางพื้นฐาน ซึ่งกำหนดบนคาดการณ์ EPS ของตลาดปี 63 ที่ 72.62 บาท/หุ้น และให้ Market Earning Yield Gap ที่ 5% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 17.4 เท่า คิดเป็น SET Index เป้าหมายที่ 1,264 จุด เท่ากับที่ระดับ SET Index ปัจจุบันไม่เหลือ Upside ทางพื้นฐานแล้ว
มุมมองปัจจัยเทคนิค ยังมีจุดเตือนที่จะเป็นแนวต้านในระยะสั้นอยู่ เริ่มจากแนวต้านบริเวณ 1265+/- จุด รวมถึงแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,300 จุด
รวมถึงยังต้องเตรียมรับมือกับตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของปี ซึ่งเป็นความเสี่ยง ที่อาจเกิด Downside ทำให้ต้องปรับลดประมาณการ ทำให้ระดับดัชนีเป้าหมายปรับลดลงอีก รวมถึงยังต้องรอติดตามพัฒนาการการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจว่าจะมากอย่างที่คาดหรือไม่
กลยุทธ์การลงทุนเตรียมความพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาด โดยการเลือกลงทุนหุ้น Defensive ที่ราคายัง Laggard อย่าง BTSGIF–EA ซึ่งราคาหุ้นทั้ง 2 ยัง Laggard กว่ากลุ่ม และตลาดอยู่มาก!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ