ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ก.ค.63 ปิดที่ 1,372.27 จุด ลดลง 1.86 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 71,138.57 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 383.71 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STGT ปิด 67.75 บาท บวก 7.25 บาท, STA ปิด 30.75 บาท บวก 2.75 บาท, GULF ปิด 38.75 บาท บวก 1 บาท, SUPER ปิด 1.04 บาท บวก 0.08 บาท และ PTT ปิด 39.25 บาท บวก 0.25 บาท
หุ้นไทยแกว่งขึ้นลงทั้งในแดนบวกและแดนลบ คาดหวังวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี ทำให้เป็นเซนติเมนต์ที่ดีต่อเศรษฐกิจโลก ขณะที่นักลงทุนในภาพรวมยังไม่มีความมั่นใจในทิศทางตลาด จึงมุ่งเทขายทำกำไรเป็นรอบๆ
หุ้น STGT บวกแรงต่อเนื่อง จนราคาขึ้นมาสูงกว่าราคาเป้าหมายหรือราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานที่สำนักโบรกเกอร์ต่างๆให้ไว้ก่อนหน้านี้ โดย บล.ทิสโก้ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมไว้ในช่วง 42-52 บาท ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 47 บาท และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ไว้ที่ 45 บาท และ บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ราคาเป้าหมายปี 63-64 ไว้ที่ 40 บาท
ขณะที่หุ้นเล็กแต่โดดเด่น บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) ร้อนแรงวิ่งชนซิลลิ่ง มาปิดที่ 9.75 บาท บวก 1.25 บาทหลังเข้า SET100 โดย บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท คาดการณ์มีอัตราการเติบโตของกำไรที่สดใสในอนาคต โดยคาดว่าค่าเฉลี่ย CAGR ใน 2 ปีข้างหน้าอยู่ในอัตราสูงเป็น 30% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จในการคุมต้นทุนได้ดี
บริษัทยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นเงินสดสุทธิ (Net Cash Position) และทีมผู้บริหารมีความสามารถ ขณะที่มีโครงการในต่างประเทศที่จะเสริมการเติบโตในอนาคตคือ โรงงานเกล็ดขนมปังป่นแห่งใหม่ที่เวียดนามและอินโดนีเซีย เริ่มได้ปีนี้และการสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมทั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมือง Surabaya อินโดนีเซียให้ราคาพื้นฐาน ที่ 9.50 บาท
ด้านผู้บริหารเผย มีกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศสนใจเข้ามาขอเข้าเยี่ยมชมโรงงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน (IPO) ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ลงทุนในปี 64 สำหรับงานก่อสร้างโรงงานอาหารทะเลเพื่อการส่งออก ในเมืองซูราบายา อินโดนีเซีย เฟส 2 ราว 200–250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ลงทุนในโครงการใหม่อื่นๆในอนาคต!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ