ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 เม.ย.63 ปิด 1,261.81 จุด บวก 8.89 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 76,817.44 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,755.84 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 39 บาท บวก 2.50 บาท,BAM ปิด 22.70 บาท บวก 0.90 บาท, PTT ปิด 33.25 บาท ลบ 0.75 บาท, GPSC ปิด 71.75 บาท บวก 5.75 บาท, KBANK ปิด 90.25 บาท ลบ 6.75 บาท
บล.เอเซียพลัสระบุว่า หุ้นไทยขณะนี้ปรับตัวขึ้นมาแรงหากนับตั้งแต่จุดต่ำสุดของดัชนี ณ 13 มี.ค.63 ให้ผลตอบแทนสูงราว 30% แต่ต่อจากนี้เชื่อว่าตลาดจะมีอุปสรรคที่ต้องเผชิญ คือ
1.ดัชนีปัจจุบันเข้าใกล้เป้าหมายปี 63 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 1,264 จุด
2.ปัจจัยกดดันปกคลุมรอบด้าน ทั้งราคาน้ำมันที่ผันผวนมากและอยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 21 ปี, การขยายเวลาการ Lock Down เมือง รวมถึงการรายงานงบงวด Q1/63 เริ่มต้นจากกลุ่ม ธ.พ.ที่ไม่สดใสนัก และอาจชะลอต่อเนื่องในงวด Q2/63 ต้องรอดูการรายงานงบในกลุ่ม Real Sector ต่อ
3.ต่างชาติยังขายหุ้นไทยหนัก กองทุนเป็นผู้พยุงหลัก ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 1.5 แสนล้านบาทนับจากต้นปี และช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด ต่างชาติขายสุทธิกว่า 8 หมื่นล้านบาท 4.หากวิเคราะห์ต้นทุนของกองทุนหรือสถาบันฯ เฉลี่ยจากจุดต่ำสุดของ SET ปีนี้ถึงปัจจุบัน พบว่ามีต้นทุนเฉลี่ยถูกมากอยู่ที่ 1,140 จุด มีกำไรสูงถึง 10% ทำให้มีโอกาสสูงที่จะทยอยขายทำกำไรออกมา
เอเซียพลัสแนะกลยุทธ์ลงทุน เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี เสริมด้วยปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนะ 2 บริษัท คือ STA (ให้ราคาตามพื้นฐานที่ 14 บาท) แนวโน้มกำไรสุทธิปี 63 ฟื้นตัวโดดเด่นอยู่ที่ 813 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ 149 ล้านบาทในปี 62
มีปัจจัยหนุนจาก 1.ธุรกิจถุงมือยาง (20% ของรายได้รวม) โตชัดเจน ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 40.7% yoy 2.ธุรกิจยางพารา (80% ของรายได้รวม) ฟื้นตัวจากโรงงานแปรรูปยางหลายแห่งหยุดผลิตชั่วคราว ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อจาก STA เพิ่มขึ้น และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าหนุนกำไรดีขึ้น
อีกตัว หุ้น RATCH (ให้ราคาพื้นฐานที่ 75 บาท) เป็นหุ้นผันผวนต่ำ ปันผลสูงกว่า 4% ต่อปี และได้ Sentiment บวกจากความต้องการใช้ไฟที่มากขึ้นจากการเข้าสู่หน้าร้อน รวมถึงการ Work From Home และยังไม่มีผลกระทบจากมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าของรัฐบาล เนื่องจาก สัดส่วนรายได้มาจาก IPP (โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่) มากกว่า 90%
ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงจนมี upside กว่า 25% จากมูลค่าพื้นฐานเป็นโอกาสเข้าสะสม!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น อินเด็กซ์51 นสพ.ไทยรัฐ