ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 พ.ค.63 ปิดที่ 1,303.97 จุด ลดลง 16.72 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 64,469.56 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,999.74 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STA ปิด 22.70 บาท บวก 1.80 บาท, BAM ปิด 22.90 บาท ลบ 0.50 บาท, PTT ปิด 35.75 บาท ลบ 1.25 บาท, PTTEP ปิด 84.50 บาท ลบ 4.50 บาท และ GULF ปิด 39.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ กลับมากังวลความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การทำสงครามการค้ารอบใหม่ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act คือบริษัทสัญชาติต่างประเทศ (โดยเฉพาะจีน) ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถูกถอดออกจากตลาด ร่างกฎหมายนี้ยังมีข้อกำหนดที่เป็นข้อจำกัดอื่นๆของบริษัทสัญชาติต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ต้องผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
โดยหากเกิดขึ้นจริง เอเซียพลัสประเมินผลกระทบเบื้องต้น ในเชิงลบระยะสั้นระหว่าง Process (ขั้นตอนสภาล่าง-โดนัลทรัมป์) ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนจีนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราว 165 บริษัท มีโอกาสถูกแรงกดดัน แต่ในระยะยาวเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนมีโอกาสไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และไหลกลับเข้าสู่จีน
ส่วนผลต่อตลาดหุ้นไทยนั้น ประเมินว่าจะถูก Sentiment เชิงลบกดดันตามตลาดหุ้นต่างประเทศ
ขณะที่เอเซียพลัส ยังระบุว่า สิ่งที่ช่วยลดความผันผวนให้กับตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา คือ การที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์เพื่อลดระดับการเก็งกำไรลง ณ วันที่ 18 มี.ค.2563 ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ 1.Short Sell ได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Up Tick) ช่วยพยุงให้ราคาหุ้นปรับฐานไม่เร่งตัวเร็วเท่าอดีต 2.ปรับการหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว (Circuit breaker) เป็น 3 ระดับ 3.ปรับปรุงเกณฑ์ราคาซื้อขายสูงสุด-ต่ำสุดในแต่ละวัน (Floor-Ceiling) เหลือ 15% ซึ่งถือว่าได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ!!
ล่าสุด การที่หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดให้ Short Sell อาจส่งผลให้ภาพรวมตลาดหุ้นโลกผันผวนมากขึ้น แต่หากพิจารณาจาก Valuation หุ้นไทยถือว่าอยู่ในระดับที่แพง ซึ่งมี PER63F อยู่ที่ 20.3 เท่า ทำให้การปรับตัวขึ้นต่อจากนี้อาจทำได้ยากขึ้น กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จำเป็นต้องพิถีพิถันในการเลือกหุ้น
เน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งผันผวนต่ำรวมถึงหุ้นปันผลสูง แนะ 3 หุ้นเด่น TTW, ADVANC และ BDMS!!
ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ