Home Blog Page 45

เงาหุ้น : จัดพอร์ตรับความผันผวน

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 30 เม.ย.63 ปิดที่ 1,301.66 จุด เพิ่มขึ้น 18.98 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 79,146.25 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,159.15 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 24 บาท ลบ 0.50 บาท, PTT ปิด 35.50 บาท บวก 1.50 บาท, PTTEP ปิด 84.50 บาท บวก 6.25 บาท, CPALL ปิด 71 บาท บวก 2.25 บาท และ AOT ปิด 62.25 บาท บวก 2.25 บาท

ตลาดหุ้นไทยทะยานต่อ หลังได้แนวทางผ่อนคลายการล็อกดาวน์ โดยผ่อนผันให้มีการเปิดสถานประกอบการ 6 ประเภท ดันดัชนีหุ้นไทยขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด ขณะที่มีข่าวดี

บริษัท Gilead Sciences แถลงการณ์ใช้ยา Remdesivir เบื้องต้นมีผลการรักษาเป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ถือเป็นความคืบหน้าเชิงบวก

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยืนยันจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะ และจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯให้ฟื้นตัวขึ้นโดยเร็ว ล้วนเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงให้ฟื้นตัว

บล.เอเซีย พลัส เผยกลยุทธ์ลงทุนเดือน พ.ค.63 ระบุว่า ผลกระทบ COVID-19 ส่งผ่านไปถึงภาคเศรษฐกิจต่างๆอย่างชัดเจน ส่งผลให้ IMF ลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 63 พลิกกลับมาติดลบ 3%yoy ส่วนในประเทศแม้ COVID-19 ดีขึ้น แต่ พ.ร.ก. ฉุกเฉินยังอยู่

โดยผ่อนคลายข้อจํากัด เพื่อให้บางธุรกิจเริ่มกลับมาดําเนินการได้

แนวโน้ม Fund Flow เดือน พ.ค. ซึ่งปกติตลาดหุ้นมักเผชิญกับเหตุการณ์ Sell in May เสมอ ขณะที่แรงซื้อจากสถาบันเริ่มแผ่วลง

รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน SSFX อาจไม่ช่วยหนุนตลาด อย่างที่คาดหวังเนื่องจากมียอดซื้อสะสม ณ 24 เม.ย.63 ไม่ถึง 1 พันล้านบาท

ภาพรวมหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงจากกําไรบริษัทจดทะเบียนงวด 1Q63 หดตัวแรง บวกกับความคาดหวังการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ถูกสะท้อนไประดับหนึ่งแล้ว บวกกับ Valuation ทางพื้นฐานเริ่มตึงตัว ซึ่งกำหนดบนคาดการณ์ EPS ของตลาดปี 63 ที่ 72.62 บาท/หุ้น (ตํ่ากว่า Consensus ที่ 75 บาท/หุ้น) และให้ Market Earning Yield Gap ที่ 5% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 17.4 เท่า คิดเป็นดัชนีเป้าหมายที่ 1,264 จุด เท่ากับว่าที่ระดับดัชนีปัจจุบันไม่เหลือ Upside ทางพื้นฐานแล้ว

กลยุทธ์ลงทุน พ.ค.นี้ จึงแนะจัดพอร์ตรับความผันผวน โดยเน้นลงทุนหุ้นที่ผันผวนตํ่า ปันผลสูงอย่าง RATCH–KBANK และ DCC หุ้นที่ผลประกอบการโดดเด่น STA–IVL–COM7

ขณะที่ให้เลี่ยงหุ้น Over Value อย่าง ERW–DELTA!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดยอินเด็กซ์51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สุดยอดเชฟไทย รวมพลังปรุงอาหารเมนูเลิศ ส่งมอบให้บุคคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19

โครงการ Chef Cares เป็นการรวมตัวของสุดยอดเชฟฝีมือระดับแนวหน้าของเมืองไทยกว่า 25 ท่าน จากร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ และ ภูเก็ต ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม ส่งมอบอาหารบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19

นางมาริษา เจียรวนนท์  ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง โครงการ Chef Cares เปิดเผยว่า เชฟจิตอาสาที่เข้าร่วมโครงการ Chef Cares ปรุงเมนูรสเลิศให้บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ในครั้งนี้ ประกอบด้วย เชฟวุฒิศักดิ์ วุฒิอัมพร, เชฟทองเลี่ยม พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟ, เชฟสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย, เชฟศุภจิตรา ศุกรวรรณ ทินกร จากโรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทย หม่อมหลวงพวง ทินกร, กุลวัชร ภูริชยวโรดม แห่งร้านโชนัน, ทศพร วิณิชวรพงศ์ แห่งร้าน WOK Station, เชฟธนินทร จันทรวรรณ, เชฟวิชิต มุกุระ, เชฟสุภิญญา จันสุตะ (เจ้ไฝ) และ เชฟแดน บาร์ค  เป็นต้น   

“อาหารเป็นภาษารักที่แสดงออกด้วยความห่วงใย เอื้อเฟื้อ ผ่านการจัดปรุงด้วยความใส่ใจและละเมียดละไมของเชฟสุดยอดฝีมือ ให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ดื่มด่ำความอร่อยสุดล้ำ ช่วยเพิ่มพลังกายและพลังใจต่อสู้กับสงครามเชื้อโรคได้”

เชฟวุฒิศักดิ์ วุฒิอัมพร ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการในจังหวัดภูเก็ต บอกว่า ทีมเชฟจิตอาสาจะรังสรรค์เมนูอร่อยๆ ให้กับทีมแพทย์ พยาบาลที่เป็นทัพหน้าในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ได้อิ่มอร่อย พร้อมกับคุณค่าโภชนาการ และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ    เชฟจิตอาสากว่า 25 คนที่ร่วมโครงการฯ จะสลับหมุนเวียนมาจัดเตรียมอาหารในทุกเช้า เพื่อปรุงอาหารมื้อกลางวันอย่างพิถีพิถันจำนวน 300 ชุด และจัดส่งให้แก่โรงพยาบาลรัฐกว่า 9 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ฯลฯ โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ, เจียไต๋ฟาร์ม, ข้าวตราฉัตร, ไร่ชาอรักษ์ และโรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์

ตระกูลเศรษฐี มหากิจศิริ ตอบจดหมาย นายกฯประยุทธ์

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกลุ่มบริษัทพีเอมส์ กรุ๊ปส์ เจ้าของบริษัทไทยน็อคซ์ สเตนเลส และไทยคอปเปอร์ ได้ทำหนังสือตอบกลับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงวันที่ 29 เม.ย.2563 ถึงเรื่องการให้ความร่วมมือระดับชาติ เพื่อเอาชนะโควิด-19 ไปด้วยกันทั้งประเทศ ตามรายละเอียดดังนี้

ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือที่อ้างถึงมาถึงผมนั้น ผมใคร่ขอขอบคุณ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ให้ผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผมต้องขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรี ที่พยายามแก้ไขและบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มความสามารถ จนเป็นที่ชื่นชมจากอารยะประเทศมากมาย รวมถึงขอชื่นชมทีมบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้โควิ-19

ผมขอชื่นชมมาตรการ “เราไม่ทิ้งกัน” รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ช่วยเหลือโควิด-19 ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถครอบคลุมประชาชนทุกคนได้ครบทุกภาคส่วนที่ต้องการ

ผมขอนำเสนอความเห็นต่อท่านนายกรัฐมนตรี โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้

ส่วนที่ 1 สิ่งที่ผมได้ทำประโยชน์ให้สังคมในช่วงวิกฤตนี้

ผมได้บริจาคให้ สภากาชาดไทยและสถานศึกษา บริจาคทุนสร้างหอปฏิบัติธรรม บริจาคให้โรงพยาบาลเพื่อสนับสนุนสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์ในการป้องกันโควิด-19 สนับสนุนเกษตรกรไทยในด้านพัฒนาและการศึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพและผลผลิตทางเกษตรที่ดีขึ้น รวมการสนับสนุนพัฒนาสังคมในช่วงนี้เป็นเงินประมาณ 150,000,000.00 บาท (หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท)

พร้อมช่วยเหลือพี่น้องคนไทย 

ส่วนที่ 2 สิ่งที่ผมพร้อมจะทำเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือที่น้องคนไทย แบ่งเป็นโครงการต่างๆดังนี้ 

โครงการที่ 1 โครงการรับซื้อผลผลิตทางเกษตรจากเกษตรลำพูน โดยการดำเนินการ ดังนี้

1.1 การรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรลำพูนโดยตรง ซึ่งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรลำพูนให้มีรายได้ที่มั่นคงขึ้นได้ประมาณ 1,000 ครัวเรือนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน

1.2 การรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรจากวิสาหกิจชุมชนลำพูนหรือเกษตรกรแปลงใหญ่ จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ประมาณ 5,000 ครัวเรือนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน

การรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางสามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

โครงการที่ 2 จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาประสิทธิภาพผลผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานที่ร่วมพัฒาผลิตภัณฑ์ P-80และควบคุมผลผลิตในองค์กรของผม เข้าไปทำงานวิจัยร่วมกับเกษตรกรในท้องที่ เพื่อพัฒนาคุณภาพ และจำนวนของผลผลิตให้ได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม ทั้งในด้านการเพาะปลูกพืชผลอื่นๆ นอกฤดูกาลเพาะปลูก ตลอดจนการหาตลาดทั้งในและต่างประเทศให้กับผลผลิตที่คิดค้นขึ้น โดยเฉพาะการปลูกเกษตรปลอดสาร โดยทำโครงการนำร่องในวิสาหกิจชุมชนที่จังหวัดลำพูน จำนวน 1,000 ครัวเรือน

เปิดพื้นที่ในคนเดือดร้อนขายของฟรี

โครงการที่ 3 เปิดพื้นที่ด้านหน้าถนนมิตรภาพ ทางเข้าเมาน์เทน ครีก กอล์ฟรีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ สีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อน นำสินค้า ไม่ว่าจะเป็นพืชผักผลไม้ งานฝีมือ โอทอป หรือสินค้าต่างๆ มาวางจำหน่ายโดยไม่คิดว่าค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาโควิด-19 เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่บนถนนสายหลักสู่ภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ และตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 200 กิโลเมตร จึงเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยว และนักเดินทางผ่านจำนวนมาก ดังนั้น การนำสินค้ามาขายที่ด้านหน้าถนนมิตรภาพทางเข้าเมาน์เทน ครีก กอล์ฟรีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ จะทำให้ประชาชนสามารถหารายได้ไว้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้เป็นอย่างดี ในส่วนนี้มีพื้นที่พร้อมจัดไว้เพื่อเป็นตลาดประมาณ 50 ไร่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 8 เดือน

ทั้งนี้ การจัดการพื้นที่จะเป็นไปตามหลักมาตรฐาน (physical distancing) ระหว่างช่วงเวลาโควิด-19 อีกด้วย

โครงการที่ 4 การใช้งานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ผมมีแพลตฟอร์มการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ภายใต้ www.411estore.com โดยผมยินดีเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวไทยที่มีผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นพืชผักผลไม้ งานฝีมือ งานโอทอป หรือสินค้าต่างๆ สามารถใช้พื้นที่ของ www.411estore.com และใน 411 Application สามารถโพสต์ขายาของได้โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถหารายได้เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 และช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบมีอีกช่องทางหนึ่งในการซื้อขายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผมมีทีมงานที่มีประสบการณ์ในการแนะนำผู้ประกอบการในการใช้งานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย

.มอบผลิตภัณฑ์ P80 สู้ภัยโควิด-19

โครงการที่ 5 โครงการ P80 สู้ภัยโควิด-19 ผมขอมอบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรจากลำใยสกัดเข้มข้นเพื่อสุขภาพP-80 ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณในการช่วยฟื้นฟูร่างกาย ตลอดจนเป็นแหล่งวิตามินซีสูง เปี่ยมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและต่อต้านไวรัส ช่วยแก้อ่อนเพลียและช่วยให้ผ่อนคลาย ให้กับบุคลากรทางการแพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่พักรักาาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ด้วยหวังว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้บุคคลที่ต้องทำงานอย่างหนักในแนวหน้ามีสุขภาพที่ดี และมีความพร้อมในฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

สุดท้ายนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมขอแบ่งปันความลับของ P80 Natural Essence นี้กับท่านนายกรัฐมนตรีว่าP80 เป็นนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังได้รับการรับรองจากสถาบันนานาชาติ และสถาบันรับรองด้นยาและเภสัชโภชนาระดับโลก ADSI (Austrian Drug Screening Institute) ว่า P80ประกอบด้วย 5 bioactiv compounds มีวิตามินซีสูง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและต่อต้านไวรัส

“ผมได้ทดลองรับประทาน P80 นี้เป็นการส่วนตัวเป็นเวลา 7 ปีแล้ว ทำให้สุขภาพผมแข็งแรงแม้วัย 76ปี ผมยังสามารถเป็นแชมป์กอล์ฟและเทนนิสที่ราชกรีฑาสโมสรได้”

ผมขอแนะนำให้ท่าน นรม.และภริยา รับประทานเครื่องดื่มธรรมชาติ P80 นี้ทุกวัน จะทำให้ท่าน นรม. นอนหลับดีขึ้น และมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น เพื่อบริหารพัฒนาเศรษฐกิจของชาติไทย เราให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป 

พ่อ-แม่เฮ รร.กรุงเทพคริสเตียน ประกาศลดค่าเทอมทุกระดับชั้น 3,000-4,500 บาท กับเรียนซัมเมอร์ฟรี

รายงานข่าว เปิดเผยว่า คณะผู้บริหาร โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย รร.ดังย่านสาทร ทำหนังสือถึงผู้ปกครองนักเรียน เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการลดค่าเทอมของภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษาหน้า ที่มีกำหนดจะเปิดเทอมในวันที่ 1 ก.ค. ว่า

เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะทางเศรษฐกิจ ทางโรงเรียนตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว จึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง ดังนี้

ลดค่าเทอมของระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 – 4 ลง 4500 บาท

ลดค่าเทอมของระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5, 6 และมัธยมศึกษาตอนต้น ปีที่ 1-3 ลง 3,500 บาท

และลดค่าเทอมของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ลง 3,000 บาท

นอกจากนี้ ในส่วนของการเรียนภาคฤดูร้อน ทางรร.จะจัดให้มีการเรียนการสอนผ่านทางออนไลน์ โดยไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมการเรียน ยกเว้นค่าอุปกรณ์และค่าจัดส่ง

ทั้งนี้ ผู้ปกครองที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน สามารถติดต่อทำเรื่องได้ที่ทางโรงเรียน

เงาหุ้น : คลายล็อกดาวน์

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 เม.ย.63 ปิดที่ 1,282.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 49,140.08 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 452.73 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 24.50 บาท บวก 1.10 บาท, PTT ปิด 34 บาท บวก 0.50 บาท, CPALL ปิด 68.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, KBANK ปิด 84 บาท ลบ 0.25 บาท และ GULF ปิด 39 บาท ลบ 0.50 บาท

ตลาดหุ้นขึ้นกลับมาทำนิวไฮในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ตอบรับการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้หุ้นหลายกลุ่มน่าจะได้ประโยชน์ ขณะที่นักลงทุนยังติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดส่งสัญญานบวกต่อตลาด

ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ระบุว่าจากการปลดล็อกกิจการบางส่วนในประเทศ เป็นผลให้หุ้น KTC บวกจากการคาดการณ์ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมทั้งหุ้น CENTEL , PLANB , AWC, MAJOR และ AEONTS

รวมทั้งหุ้น KCE, HANA และ DELTA ที่ราคาเด้งบวก จากการที่นักลงทุนมองว่า ความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ และ electronics ยังเป็นที่ต้องการเมื่อโรงงานกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้ง

ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุ คาดว่าจะเห็นการเก็งกำไรหุ้น KTC ต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ประเด็นการประกาศน้ำหนักดัชนี MSCI ในวันที่ 12 พ.ค. (ช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย) หากถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนีจะเป็นบวกให้กองทุนต่างชาติที่ลงทุนตามดัชนี MSCI เพิ่ม KTC เข้าสู่พอร์ตลงทุน

ขณะที่หุ้น KTC ยังมีปัจจัยหนุน คือ Theme ลงทุน ที่คาดว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะค่อยๆเร่งตัวขึ้น ตามการปลดล็อก Lockdown เศรษฐกิจ เช่น การเปิดห้าง

หุ้นอีกตัวที่หยวนต้าโฟกัสคือหุ้น MBK มีปัจจัยหนุน เป็น Sentiment บวก หากสนามกอล์ฟกลับมาเปิดให้บริการ และศูนย์การค้ามีโอกาสทยอยกลับมาเปิดให้บริการเป็นลำดับถัดไป ขณะที่ราคาข้าวในตลาดโลกเร่งตัวขึ้นเป็นบวกต่อธุรกิจข้าวซึ่งดำเนินธุรกิจโดยบริษัทย่อย ให้แนวต้านไว้ที่ 16.50 บาท

ส่วน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า หุ้นที่ได้ประโยชน์หากมีการเปิดปลดล็อกดาวน์ในกลุ่มสีเหลือง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรด (CRC -MBK-CPN- HMPRO DOHOME-MC -RSP-COM7-JMART) ร้านอาหาร (AU-M-ZEN-MINT) คลินิกทำฟัน (D-LDC)

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดยอินเต็กซ์51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เปิด แอร์ แบบไหน ค่าไฟไม่พุ่ง

ช่วงหน้าร้อน เดือนมีนาคม-เมษายน ทุกปี ทุกบ้านต้องบ่นว่า ค่าไฟทำไมมันแพงกว่าเดือนก่อน บ่นกันได้ยินได้ฟังกันทุกปี ยิ่งปีนี้ เสียงบ่นดังมากกว่าทุกปี เพราะดันเจอพิษโควิด-19 เล่นงานเอาจนหลายคน ต้องทำงานอยู่กับบ้าน หรือไม่ก็ต้องจำยอมอยู่บ้าน เพราะไม่มีงานให้ทำ จะชั่วคราว หรือถาวร ต้องลุ่นดูสถานการณ์กันวันต่อวัน

ในบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตกเป็นจำเลย ข้อหา กินไฟ หนีไม่พ้น เครื่องปรับอากาศ พอเห็นบิลค่าไฟสูงขึ้นทีไร ต้องโทษแอร์กันทุกที ผู้ใช้มักจะบ่นว่า ก็เปิดใช้แอร์เท่าเดิม แต่ทำไมค่าไฟถึงพุ่งเยอะขนาดน้านน ทางกระทรวงพลังงาน มีคำอธิบายให้หายข้องใจ

ส่วนประกอบของแอร์ มีคอมเพรสเซอร์ที่ตั้งอยู่นอกบ้าน แม้เราจะมีพฤติกรรมการใช้ไฟในช่วงเวลาเดิมอยู่เป็นประจำ แต่ในช่วงที่อากาศข้างนอกร้อนมากขึ้น คอมเพรสเซอร์ก็ทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้หน่วยการใช้ไฟมากขึ้นด้วยเช่นกัน จึงไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมค่าไฟจึงเพิ่มขึ้นมากในช่วงฤดูร้อน และโดยเฉพาะช่วงนี้ที่คนส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่บ้านตามมาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

เมื่อเปิดใช้แอร์ 1 ชั่วโมง เท่ากับใช้ไฟไปประมาณ 800 – 3,300 วัตต์ (ขึ้นอยู่กับขนาดของแอร์แต่ละบ้าน) เท่ากับต้องเสียค่าไฟฟ้าเฉลี่ยถึง 3-13 บาท/ชั่วโมง กระทรวงพลังงานยกตัวอย่างการคำนวณค่าไฟ กับเครื่องปรับอากาศ 3 ขนาดที่แตกต่างกัน โดยเปิดแอร์แต่ละตัว วันละประมาณ 8 ชั่วโมง ในระยะเวลา 1 วัน จะเสียค่าไฟเท่าไร

  • แอร์ตัวแรก : ขนาด 1,200 วัตต์ ÷ 1,000 x 8 ชม. x 4 บาท = 38.40 บาท
  • แอร์ตัวที่สอง : ขนาด 1,800 วัตต์ ÷ 1,000 x 8 ชม. x 4 บาท = 57.60 บาท
  • แอร์ตัวที่สาม : ขนาด 2,400 วัตต์ ÷ 1,000 x 8 ชม. x 4 บาท = 76.80 บาท

ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับรวมกับค่าไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านชนิดอื่นๆ

กระทรวงพลังงาน แนะนำให้ทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงาน ซึ่งก็เท่ากับประหยัดเงินในกระเป๋าของเราด้วย ตามนี้

1.ใช้แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์5 และเลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง

2. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมที่ 25 องศา

3. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามา และไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกนอกห้อง หรือใช้ม่านกั้นประตู/หน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดภายนอก

4.เปิดพัดลมช่วย ร่วมกับการเปิดแอร์

5. ทำความสะอาดล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 6 เดือน

เท่านี้ก็จะช่วยให้แอร์ในบ้านเรา ไม่ทำงานหนักมากขึ้น และไม่ต้องเสียค่าไฟกันเยอะๆ



ที่มา กระทรวงพลังงาน

เอไอเอส ผนึกกำลังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำ 5G เสริมศักยภาพวงการแพทย์และสาธารณสุข

  • พัฒนา 5G Total Telemedicine Solutions เต็มรูปแบบ
  • สนับสนุนบริการทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ยกเป็น โรงพยาบาลต้นแบบแห่งการรักษาพยาบาลผ่านเทคโนโลยี 5G รายแรกของไทย

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้นำเทคโนโลยี 5G มาร่วมยกระดับศักยภาพการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเต็มรูปแบบ หรือ 5G Total Telemedicine Solutions ให้กับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ครอบคลุมตั้งแต่การใช้ 5G เพิ่มขีดความสามารถให้กับเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยตรง เพื่อทำให้อุปกรณ์ทางแพทย์สามารถทำงานและแสดงผลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

โดยโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เป็นโมเดลต้นแบบของการรักษาพยาบาลผ่านเทคโนโลยี 5G และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการต่อยอดวิจัยและพัฒนาในอนาคต เตรียมความพร้อมสู่ New Normal วงการแพทย์ไทยหลังยุคโควิด-19

ทั้งนี้ 5G Total Telemedicine Solutions เพื่อสนับสนุนบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ประกอบด้วย

  1. นำ 5G สนับสนุนการพัฒนาระบบประมวลผล AI อัจฉริยะสำหรับเครื่อง CT Scan ปอด บนเครือข่าย 5G เครื่องแรกของไทย
  2. ส่งมอบหุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ 5G ROBOT FOR CARE เพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ในการดูแลพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 โดยนำเทคโนโลยีขั้นสูงที่หลากหลาย เช่น เทคโนโลยีอินฟราเรด ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอย่างแม่นยำ, เทคโนโลยี 3D Mapping กำหนดแผนที่เส้นทางเดินของหุ่นยนต์ , Telemedicine ระบบปรึกษาทางไกลระหว่างแพทย์และผู้ป่วยผ่าน Video Call
  3. สนับสนุนสมาร์ทดีไวซ์ (Device), เครือข่าย (Network) และแอปพลิเคชัน (Application) แบบครบวงจร เพื่อเสริมประสิทธิภาพบริการปรึกษาแพทย์ทางไกล ด้วยระบบ Video Call ซึ่งถูกนำไปใช้งานที่ศูนย์บริการ COVID-19 Call Center ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์  โดยร่วมกับแอปพลิเคชัน “ME-MORE” (มีหมอ) ซึ่งเป็นแอปฯ พบแพทย์ออนไลน์ ที่ให้คนไข้หรือผู้สงสัยว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถปรึกษาแพทย์ทางไกลจากที่บ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล
  4. นำ 5G มาสนับสนุนการเรียนการสอนแบบ Smart Class Room ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า   ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้ ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เองก็ได้มีการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลรูปแบบต่างๆ มาช่วยในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสงสัยติดเชื้อ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ยังจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ก็ยังสามารถพบแพทย์อยู่ที่บ้านไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาลในช่วงนี้ ตามมาตรการให้การ “รักษาแบบมีระยะห่าง” ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย ตลอดจนลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากการเผชิญหน้าของทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ทุกส่วนงาน

ทางรพ.ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับเอไอเอส ในการยกระดับบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อเป็นโมเดลต้นแบบของนำเทคโนโลยีชั้นนำแห่งยุคอย่างนวัตกรรมเครือข่าย 5G มาสนับสนุนการทำงาน เสริมประสิทธิภาพการดูแลและตรวจรักษาผู้ป่วยในช่วงโควิด -19 ให้ดียิ่งขึ้น

หมอ พยาบาล หมดห่วงครอบครัว ซีพีเอฟช่วยดูแลส่งอาหารให้สู้ภัยโควิด-19

กำลังใจสำคัญของแพทย์และพยาบาล “ทัพหน้า” ที่อุทิศตนและเสียสละดูแลผู้ป่วยโควิค19 ขณะนี้ คือ ครอบครัว ความเหนื่อยอ่อนจากหน้าที่และความรับผิดชอบในทุกๆวัน ก็ยังมีหน้าที่ดูแล “คนสำคัญ” ให้อยู่ดีมีความสุขและ เป็นกองหลัง ให้นักรบ อัศวินเสื้อขาวเหล่านี้ พร้อมปกป้องคนไทยและประเทศไทยของเราให้พ้นจากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้

ในวันนี้ เสียงสะท้อนด้วยความสุขจากครอบครัวแพทย์และพยาบาลจำนวนหนึ่ง ที่ได้รับอาหารจากใจภายใต้ “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด19” และ “โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลรัฐ ครอบครัวแพทย์-พยาบาล” ริเริ่มโดยบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่มุ่งมั่นและตั้งใจส่งอาหารคุณภาพดีและปลอดภัยให้แพทย์-พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจน พ่อ แม่ พี่ น้องและลูก ของพวกเขาทุกคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ช่วยคลายความกังวลและแบ่งเบาภาระของ “นักรบเสื้อขาว” ในการดูแลเรื่องอาหารการกินให้ตัวเอง และสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้สะดวกขึ้น

ส่วนหนึ่งจากหลายๆ เสียง ที่โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค จากทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พยาบาลโรงพยาบาลเนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ ได้โพสต์ว่า “ขอบคุณ CPF ที่ส่งอาหารมาให้เจ้าหน้าที่และพยาบาลโรงพยาบาลเนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ ได้รับประทานกันอย่างอร่อยขอบคุณมากๆๆค่ะ” ด้านโรงพยาบาลเถิน ได้โพสต์ ว่า “รพ.เถิน จ.ลำปางกราบขอบพระคุณ CPF ที่ส่งอาหารให้พยาบาลเราค่ะ”

ชลิชา คาคำเมล์ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลกุดจับ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ต้องทำหน้าที่ขึ้นเวรเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และมาตรการอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ไม่ได้พาลูกๆไปเที่ยวห้าง กินอาหารอร่อยๆ ในวันหยุด พอมีโครงการอาหารจากซีพีเอฟ มาสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพยาบาล ได้ใช้วัตถุดิบเนื้อไก่ เนื้อหมูคุณภาพดี ไปปรุงเป็นอาหารอร่อยให้กับสมาชิกของครอบครัวได้รับประทาน เหมือนกับได้ไปกินตามห้างที่เคยไป และได้รับอาหารในปริมาณมากช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตของครอบครัวในช่วงโควิดระบาดได้ค่ะ

สุภาภรณ์ วงหาริมาตย์ พยาบาล โรงพยาบาลบ้านลาด จ.เพชรบุรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “ได้อาหาร cp รอดตายค่ะ ชาวบ้านก็กลัว พอรู้ว่าเป็นพยาบาลก็ไม่อยากขายอะไรให้ ได้เจอเคส (ผู้ป่วย) แต่ได้กำลังใจดีๆ จาก cp ก็ปลื้มใจมาก”

ปุญชรัศมิ์ พัฒน์วั้น พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ด้วยอาชีพที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล จึงเป็นบุคคลที่มีโอกาสได้รับเชื้อมากกว่าคนอื่น การได้รับอาหารจาก CPF มีส่วนช่วยช่วยสังคมในการลดโอกาสการแพร่เชื้อ ขณะที่ออกไปจับจ่ายซื้ออาหาร พร้อมได้โพสต์เฟซบุ๊คว่า “ขอขอบคุณ CPF ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวหมอ-พยาบาล ได้มีกำลังใจดูแลผู้ป่วยและมีแรงต่อสู้กับ Covid-19 แล้วค่ะ”

“โครงการซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลรัฐ ครอบครัวแพทย์-พยาบาล” เริ่มเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2563 ได้รับความสนใจตอบรับจากแพทย์และพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพียงในเวลา 10 วัน มีแพทย์ และพยาบาลเข้ามาลงทะเบียนขอรับการสนับสนุน กว่า 40,000 คนทั่วประเทศ ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งจัดส่งอาหารให้ถึงมือครอบครัวของแพทย์และพยาบาลที่ลงทะเบียนในจังหวัดต่างๆ ให้ครบถ้วน

กลุ่มครอบครัวแพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโควิด19 เป็นกิจกรรมขยายต่อยอดจาก “โครงการ CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ดูแลส่งมอบอาหารให้โรงพยาบาลของรัฐจำนวน 105 แห่งทั่วประเทศทุกวันอย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ โครงการฯ ยังได้สนับสนุนอาหารให้แก่ประชาชนที่แสดงความรับผิดชอบกักตนเองที่บ้านหลังกลับจากประเทศเสี่ยงจำนวน 20,000 คน เป็นการสนับสนุนและแบ่งเบาภาระรัฐบาลในการหยุดการแพร่กระจายของโรค และปิดการสนับสนุนหลังจากมีประชาชนเดินทางจากต่างประเทศลดลง

โครงการ ยังได้ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ช่วยดูแลการเข้าถึงอาหาร ช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนกลุ่มอื่นๆ โดยเริ่มโครงการ ซีพีเอฟส่งอาหารจากใจ สู่ชุมชน ประชาชนที่อาศัยในชุมชนแออัดคลองเตย ที่มีประชากรกว่า 21,000 คน 8,499 ครอบครัว โดยโครงการฯ นำอาหารที่เป็นแกงถุง และน้ำดื่มไปมอบฟรีให้ทุกครัวเรือน และร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำอาหารปลอดภัยจากใจช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในชุมชนแออัดในเขตบางกอกน้อย และเขตบางพลัด
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ ที่จะเดินเคียงข้างกับคนไทยฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ แจ้งปิดไม่มีกำหนด เซ่นโควิด-19

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ผู้บริหารโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ โรงแรมใหญ่บนถนนรัชดา ตัดสินใจยุติกิจการโรงแรมเป็นการชั่วคราว หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการของภาครัฐออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์

ทั้งนี้ ทางโรงแรมได้ออกหนังสือแจ้งปิดทำการชั่วคราว ตั้งแต่ 1 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ประกาศดังกล่าวมีเนื้อหาว่า

เรียน ท่านลูกค้าผู้มีอุปการคุณทราบ

ฝ่ายบริหารโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ใคร่ขอขอบพระคุณ  ลูกค้าทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนด้วยดีมาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ทางรัฐบาลประกาศมาตรการขอความร่วมมือลดการรวมตัวกัน เพื่อลดความเสี่ยงของการกระจายเชื้อดังกล่าว

ดังนั้นทางโรงแรมฯ จึงมีความจำเป็นต้องปิดทำการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นโดยจะประกาศแจ้งให้ทราบต่อไป

เงาหุ้น : เล็งหุ้นจีน-เอเชียน!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 เม.ย. 63  ปิดที่ 1,274.99 จุด เพิ่มขึ้น 7.58 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 60,549.94 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 185.35 ล้านบาท  

หุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน หลังมีความคาดหวังต่อการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง

ฝ่ายวิจัยบล.โกลเบล็ก  แนะกลยุทธ์ลงทุน ให้ดักลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์หากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลาย  โดยทยอยสะสมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ชู AOT, MINT, ERW และ CENTEL  โดยหากโควิด-19 ดีขึ้น น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทย

หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, SPRC และ PTTGC จากผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1 ปี 63  และไม่มีผลขาดทุนจาก Stock Loss  และหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KCE, HANA และ DELTA ซึ่งกลับมาเร่งผลิตสินค้า หลัง Stock สินค้าที่ลดลงมาก หลังหยุดผลิตช่วงโควิด-19

ปิดท้าย ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้  ประเมินวิกฤติไวรัสโควิด-19  เป็นโอกาสในการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นจะกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง จากการออก QE ของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ

 ผลการดำเนินนโยบายนี้ จะทำให้สภาพคล่องของเงินทุนล้นโลก ซึ่งจะเป็นตัวหนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ หลังวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น  ส่วนการจัดสรรเงินลงทุนทรีนีตี้ แนะให้ลงทุนทองคำ  10% ลงทุนหุ้นไทย 20% เน้นหุ้นปันผลดี 30-40% และลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB ขึ้นไป และอีก 10-20% ลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์  ส่วนอีก 10-20 % ถือเป็นเงินสด

ดังนั้นทรีนีตี้ จะเปิดขายกองทุนส่วนบุคคล ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 พ.ค.63 โดยกองทุนนี้ มีนโยบายลงทุนหุ้นในเอเชีย ยกเว้น ญี่ปุ่น โดยบริหารกองทุนแบบ Active Fund ที่เลือกลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพ มีการเติบโตและมีมูลค่าเพิ่ม เน้นหุ้นจีนเป็นหลัก ขณะที่ผู้จัดการกองทุนจะปรับเปลี่ยนหุ้นในพอร์ตไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากปัจจัยแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว

ทำให้ผลการดำเนินงานกองทุนนี้ มีผลตอบแทนสูงกว่า Benchmark (MSCI ex-Japan) มาโดยตลอด ณ 17 เม.ย.63 ผลตอบแทน 11.65% ขณะที่ MSCI (ex-Japan) ติดลบ 9.58% 

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ