Home Blog Page 4

‘อัญชิสา ธนโชติจิรวณิชย์’ นักธุรกิจยุคใหม่ ยึดแฟรนไชส์ ‘ห้าดาว’ สร้างอาชีพ สร้างรายได้มั่นคง

อาชีพอิสระกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของคนรุ่นใหม่ในยุคสมัยนี้ หลายคนไม่อยากทำงานบริษัท ไม่อยากทำงานประจำ และอยากมีอาชีพที่เป็นนายตัวเอง เฟิร์น – อัญชิสา ธนโชติจิรวณิชย์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ภายหลังเรียนจบจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เธอตัดสินใจไม่สมัครงานกับบริษัทเหมือนกับเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน

เฟิร์นเลือกทำ “แฟรนไชส์ห้าดาว” ธุรกิจที่เธอเห็นความสำเร็จจากคุณแม่ ที่เป็นแฟรนไชส์ห้าดาวเปิดสาขาที่บิ๊กซีราชบุรี อาชีพนี้ทำให้มีรายได้พอเลี้ยงดูครอบครัวมาโดยตลอด ประกอบกับตนเองมีโอกาสได้ช่วยคุณแม่ขายของมาตั้งแต่ต้น ทำให้ชอบงานด้านนี้ และต้องการมีร้านของตัวเองบ้าง เธอปรึกษากับพ่อแม่เพื่อขอเปิดร้านแห่งใหม่ที่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในตัวเมืองราชบุรี เมื่อปี 2564 ทำร้านในรูปแบบกลาสเฮ้าส์ กิจการเป็นไปได้ด้วยดี จากนั้นเธอเห็นว่ามีทำเลใหม่ในเขตกรุงเทพฯ ที่ตลาดวังหลัง ศิริราช ซึ่งเป็นทำเลที่ดีมาก บริเวณนั้นมีทั้งวัด โรงพยาบาล ท่าเรือ และชุมชนขนาดใหญ่ จึงทำร้านสาขาใหม่ยอดขายที่สาขานี้เป็นไปได้ดี และเมื่อทีมงานห้าดาวเสนอทำเลใหม่ที่โรงพยาบาลศาลายา จ.นครปฐม เฟิร์นเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ จึงเริ่มทำร้านสาขาล่าสุดเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

คุณเฟิร์น – อัญชิสา ธนโชติจิรวณิชย์

“ปัจจุบันมีแฟรนไชส์มากมายให้เลือก เราเลือก “ห้าดาว” เพราะตอบโจทย์ความต้องการของเรา เป็นแบรนด์อันดับต้นๆที่คนคิดจะลงทุน เนื่องจากห้าดาวอยู่คู่คนไทยมานานถึง 40 ปี แล้ว แบรนด์เป็นที่รู้จัก มีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบในตัวแบรนด์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องโฆษณามาก สินค้าก็มีคุณภาพ มีมาตรฐาน รสชาติอร่อย และหลากหลาย สินค้าห้าดาวแม้จะไม่ใช่ช่วงโปรโมชันผู้บริโภคยังรู้สึกถึงความค่าคุ้มราคา คือมีความ ‘คุ้มค่าเป็นปกติ’ ตัวเราเองก็รู้จักกับห้าดาวมาตั้งแต่ก่อนที่แม่จะทำแฟรนไชส์นี้ ยิ่งแม่ทำร้านก็ยิ่งรู้จักแบรนด์มากขึ้น รู้ขั้นตอน วิธีการ กระบวนการบริหารจัดการทั้งหมดเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจยึดแฟรนไชส์ห้าดาวเป็นธุรกิจสร้างอาชีพ” เฟิร์นกล่าว

เฟิร์นบอกว่าก่อนที่จะเริ่มทำร้าน เธอต้องเข้าฝึกอบรมเป็นเวลา 5 วัน เรียนรู้ทั้งเรื่องเทคนิค วิธีการ กระบวนการจัดการ ขั้นตอนการผลิตผลิตภัณฑ์ตามหลักที่บริษัทกำหนด จนถึงวิธีการจำหน่าย ซึ่งทั้งหมดเธอมีพื้นฐานจากการช่วยแม่ทำร้านตั้งแต่แรก ทุกอย่างที่ได้ฝึกอบรมเหมือนกับที่แม่เคยสอนไว้ จึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างเร็วและถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง ขณะเดียวกัน หลังเปิดร้านยังมีทีมงานห้าดาวที่เป็นเสมือนเพื่อนสนับสนุนหลังบ้านที่ดีมาก คอยเข้ามาดูแลสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบมาตรฐานและแนะนำเทคนิคต่างๆ เพื่อพัฒนาร้านให้ดียิ่งขึ้น

“ที่ตัดสินใจทำแฟรนไชส์ก็เพราะเป็นแบรนด์นี้ โดยมองในมุมมองของลูกค้าก่อน ว่าเขาขายอะไร มีสินค้าอะไร จึงเลือกที่จะลงทุน จากนั้นพวกบริการหลังการขาย และทีมงานหลังบ้านเป็นส่วนซัพพอร์ตเพิ่มเติม ห้าดาวถือเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างอาชีพจริงๆ เมื่อลงทุนแล้วสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เป็นอาชีพมั่งคงได้ ยิ่งทางห้าดาวมี แคมเปญ ‘ลดรายจ่ายคนซื้อ เพิ่มรายได้คนขาย’ แม้จะเป็นช่วงโปรโมชั่นลดราคาสินค้าให้ผู้บริโภค แต่ตัวแฟรนไชส์เองยังได้กำไรเท่ากับช่วงปกติ ทำให้คนขายอยู่ได้ คนซื้อก็มีกำลังซื้อ ซึ่งเหมาะกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน เรียกว่า 3 ประโยชน์ คือประโยชน์ของผู้บริโภค ประโยชน์ของแฟรนไชส์ และเป็นประโยชน์ต่อบริษัท นอกจากนี้ ทีมงานของเราก็มีอาชีพที่ดี มีรายได้เลี้ยงตัวเองและสามารถจุนเจือครอบครัวได้” เฟิร์นกล่าวด้วยความภูมิใจ

แฟรนไชส์ห้าดาว ถือเป็นเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สนับสนุนให้คนไทยได้เป็นเถ้าแก่ ด้วยการมีกิจการเป็นของตนเอง ด้วยการลงทุนไม่สูง เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษกิจฐานรากด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพที่มั่นคง สำหรับผู้ที่สนใจร่วมสร้างงานสร้างอาชีพ ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.fivestars-allfranchises.com หรือสอบถามที่ โทร. 02-800-8000

เซเว่น อีเลฟเว่น จัดงานมอบรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023” เชิดชูเกียรติ 26 SME ศักยภาพ

“เซเว่น อีเลฟเว่น” ผนึก 3 พันธมิตรระดับประเทศ “กสอ.-สสว.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ” จัดงานมอบรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023” เพื่อร่วมเชิดชูเกียรติ SME ไทยศักยภาพ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยมี SME ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 26 ราย จาก 10 ประเภทรางวัล ชี้สินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงามมาแรง เผยแบรนด์ “มหานคร-ฮูเร่-ด็อกเตอร์ อินโนวาเท็กซ์-หนุย คอลลาเจน-เมอร์ซี่-รัชชา ไลฟ์” สร้างผลงานโดดเด่นคว้ารางวัล SME ดาวรุ่ง พร้อมได้จัดบรรยายพิเศษด้าน AI  เพื่อติดอาวุธทางความรู้ให้ SME ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก AI สู่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน 

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น พร้อมด้วย 3 หน่วยงานพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) จัดงานมอบรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เพื่อเชิดชู SME ที่มีศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจให้กับ SME ทุกกลุ่มสินค้า ในการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจและยกระดับคุณภาพสินค้าของตนเอง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยทางคณะผู้จัดงานได้ร่วมกันพิจารณา SME ที่โดดเด่นผ่านผลงาน 3 ปีล่าสุด เพื่อเฟ้นหา SME ศักยภาพ รับรางวัลจำนวน 26 ราย จากประเภทรางวัลทั้งสิ้น 10 ประเภท

“ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ทางคณะผู้จัดงานและกรรมการตัดสินได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของ SME ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างน่าภาคภูมิใจในทุกๆ รางวัล โดยเฉพาะรางวัล SME ดาวรุ่ง ที่ปีนี้มี SME ได้รับรางวัลมากถึง 6 ราย มากกว่าปี 2022 ที่มีผู้ได้รับรางวัล 3 ราย โดย SME จัดอยู่ในกลุ่มขนมหวาน สินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม ภายใต้แบรนด์ มหานคร, ฮูเร่, ด็อกเตอร์ อินโนวาเท็กซ์, หนุย คอลลาเจน, เมอร์ซี่, และรัชชา ไลฟ์ ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้ง 6 แบรนด์สินค้ามีความโดดเด่นอย่างมาก และสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างแข็งแกร่ง ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า SME ไทยมีพัฒนาการรอบด้าน ทั้งด้านตัวสินค้า ด้านการตลาด ด้านการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง และมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง แม้จะเข้ามาจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ ได้เพียงไม่นาน แต่สามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก จนก้าวสู่  SME ดาวรุ่งตามเกณฑ์การตัดสิน ถือเป็นสัญญาณการเติบโตที่ดีของ SME ไทย ซึ่งเป็นฐานรากระบบเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ เซเว่น อีเลฟเว่น และหน่วยงานพันธมิตรทั้ง 3 ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกลุ่มธุรกิจSME มาตลอด จึงอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมเชิดชูเกียรติ SME ที่สามารถยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ด้วยความเชื่อมั่นว่ารางวัลเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์และต่อยอดโอกาสให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลทุกประเภท ขณะเดียวกัน ผู้ได้รับรางวัลก็จะเป็นต้นแบบให้แก่เอสเอ็มอีรายอื่นๆ ในการพัฒนาสินค้าและธุรกิจของตนเองให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ภายในงานยังมีการจัดบูธแสดงสินค้าของผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Generative AI โอกาสใหม่ SME ดันยอดขายด้วยการตลาดดิจิทัล” โดย อ้น-ปฤณ จำเริญพานิชกูรูชื่อดังด้าน ChatGPT และ AI ที่มามอบความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Generative AI แนวทางการใช้ Generative AI สำหรับ SME ในเชิงการตลาด เทคนิคการเขียนคำสั่ง Prompt ให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ มุมมองต่อโลกอนาคต-ธุรกิจ-Generative AI เพื่อติดอาวุธทางความรู้ให้ SME ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก AI และนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจ สอดรับกับปณิธานองค์กรที่ว่า “Giving and Sharing” ที่บริษัทดำเนินการผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้” ได้แก่ 1.ให้ช่องทางจำหน่าย  2.ให้ความรู้ และ 3.ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย

สำหรับรายชื่อเอสเอ็มอีที่ได้รับรางวัลทั้ง 10 ประเภท รวมจำนวน 26 รางวัล ประกอบด้วย

1. SME ยั่งยืน ได้แก่

-ผลิตภัณฑ์ขนมหวานวุ้นมะพร้าว “แม่ละมาย” จาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด แม่ละมาย

-ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดแมลง “คายาริ” จาก บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด

2. SME The Legend ได้แก่

​      -ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ แบรนด์ “เอพลัส” จาก บริษัท ซีแอนด์ดับบลิว อินเตอร์ฟูดส์ จำกัด

3. SME ดาวรุ่ง ได้แก่

​            -ผลิตภัณฑ์ลอดช่องไทย, ขนมครกใบเตย แบรนด์ “มหานคร” จาก บริษัท เป็ปเวลธ์ จำกัด

​            -ผลิตภัณฑ์หนุย คอลลาเจน จาก บริษัท เอ็นยูยูไอ เวิลด์ จำกัด

            -ผลิตภัณฑ์นมโปรตีนสูง แบรนด์ “ฮูเร่” จาก บริษัท ครอสแม็กซ์ รีเทล จำกัด

-ผลิตภัณฑ์คอนแทคเลนส์ แบรนด์ วิ้งค์, ถุงมือทางการแพทย์ แบรนด์ “ด็อกเตอร์ อินโนวาเท็กซ์” จาก บริษัท เอสทีดับบลิว เซลเลอร์ จำกัด

            -ผลิตภัณฑ์วิตซีเซรั่ม แบรนด์ “เมอร์ซี่” จาก บริษัท เมอร์ซี่ สกินแคร์ จำกัด

            -ผลิตภัณฑ์พรีเซรั่มรัชชาวิตซีแอดวานซ์  แบรนด์ “รัชชา ไลฟ์” จาก บริษัท รัชชา ไลฟ์ จำกัด

4. SME Young Entrepreneur ได้แก่

​            -ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วย แบรนด์ “ปุ้นแอนด์เปา และ บางช้าง” จาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชลกิจปทานผล

​            -ผลิตภัณฑ์ขนมไทย แบรนด์ “ขนมไทยบ้านทองหยอด” จาก บริษัท บีทีวาย ฟู้ด จำกัด

            -ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วย แบรนด์ “จริงใจ” จาก บริษัท ไทย วอล์คกี้ จำกัด        

5. SME สินค้าเกษตร ได้แก่

            –ผลิตภัณฑ์ลำไยคว้านเมล็ด, สับปะรดภูแลพร้อมรับประทาน แบรนด์ “โพลามี่” จาก บริษัท เค.เอส.พรีเมี่ยมโปรดักส์ จำกัด

​            -ผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้สดตามฤดูกาล แบรนด์ “Natural Veggies” จาก บริษัท สุจิตรา ฟู้ด จำกัด

​            -ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร แบรนด์ “ไฟโตแคร์” จาก บริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย จำกัด

6. SME ผู้ประกอบการชุมชน ได้แก่

            –ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร แบรนด์ อ้วยอันโอสถ จาก บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด​

7. SME ความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่

​            -ผลิตภัณฑ์กราโนล่าบาร์ แบรนด์ “เกรนเน่ย์” จาก บริษัท ฟูลเกิ้ล จำกัด

​            -ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ แบรนด์ “MizuMi” (มิซึมิ) จาก บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด

​            -ผลิตภัณฑ์แผ่นแปะสิว แบรนด์ “CURESYS” (เคียวร์ซิส) จาก บริษัท ที แอล บี (ไทยแลนด์) จำกัด

8. SME ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้แก่

​            -ผลิตภัณฑ์สลัดโรลแซ่บทูน่า, สลัดโรลแซ่บปูอัด แบรนด์ “อีซี่เฟรซ” จาก บริษัท เออร์บัน ฟาร์มมิ่ง จำกัด

            -ผลิตภัณฑ์ บีไชน์ เนเจอร์ซี อะเซโรลา เชอร์รี่ จาก บริษัท บีไชน์ นูทริชั่น พลัส จำกัด

9.SME ผู้รับเหมา 

-บริษัท พัฒนโชค ดีไซน์และก่อสร้าง จำกัด

– ห้างหุ้นส่วนจำกัด อาร์.ซี.ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น

– บริษัท พีเจ คอนสตรัคชั่น 2019 จำกัด

10.SME พัฒนาอุปกรณ์ 

– บริษัท ไลท์ติ้ง โซลูชั่น จำกัด

            – บริษัท ส่งเสริมอินเตอร์คูลสเตนเลส จำกัด

“สาระ ล่ำซำ” รับรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024” ประเภท “อุตสาหกรรมประกันชีวิต” โดยเป็นซีอีโอรายแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าวติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Business+ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปีที่คุณสมบัติถึงพร้อมด้วยวิสัยทัศน์ ความเป็นผู้นำ ความสามารถในการบริหารองค์กร คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กร และต่อยอดไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน พร้อมเป็นแบบอย่างให้กับผู้บริหารหรือซีอีโอรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสร้างความสำเร็จของตนเองต่อไป ตามแนวคิด “Iconify the Master” หรือ ต้นแบบผู้นำแห่งอนาคต ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธีมอบรางวัลดังกล่าว ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

ผู้เลี้ยงหมูเรียกร้องรัฐจี้ DSI คดีหมูเถื่อนไม่คืบ หวั่นคนบงการลอยนวล

เกษตรกรเลี้ยงหมู เรียกร้องภาครัฐตรวจสอบและเร่งรัดการดำเนินคดีหมูเถื่อนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่การสอบสวนไม่คืบหน้าและล่าช้ามากว่า 1 ปี ยิ่งปล่อยคดีไว้นานวัน หวั่นคนบงการหลุดรอดคดีทั้งขบวนการ

นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ กล่าวว่า ผู้เลี้ยงหมูต้องการเห็นภาครัฐเอาจริงเอาจังกับการดำเนินคดีหมูเถื่อน โดยนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลให้ตัดสินลงโทษตามความผิด ตามที่ฝ่ายตำรวจดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 3 คดี ผู้ต้องหาได้รับโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยเฉพาะหลัง DSI รับคดีมาสอบสวนต่อจากกรมศุลกากรมาตั้งแต่ปี 2566 จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจนถึงที่สุดได้เลย ทั้งที่มีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ลักลอบนำเข้า และชื่อนายทุนที่เป็นผู้นำเข้าแล้ว แต่ก็เพียงเรียกมาสอบปากคำแล้วปล่อยตัวไป

ปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้

“เกษตรกรเกรงว่า ยิ่งปล่อยไว้นานวัน ผู้ต้องหาลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจะรอดจากคดีทั้งหมด เพราะการหาหลักฐานหรือการสอบสวนปากคำต่อจากนี้ไปจะทำได้ยากขึ้น เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องในขบวนการหลายรายและน่าจะเชื่อมโยงกัน หลักฐานต่างๆอาจถูกทำลาย ไม่สามารถหาได้ โอกาสที่จะสาวไปถึงนายทุนหรือนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังคดีนี้ก็ลดลงด้วย” นายปรีชา กล่าว

ปัจจุบัน DSI รับผิดชอบคดีหมูเถื่อนทั้งหมด 4 กลุ่มคดี ประกอบด้วย 1. คดีหมูเถื่อนตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง 161 ตู้ ซึ่งเป็นกลุ่มดำเนินคดีมีความคืบหน้าที่สุด โดย DSI เตรียมส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาจำนวน 10 บริษัท 2. คดีหมูเถื่อน 2,385 ใบขน หมูเถื่อนถูกนำออกไปกระจายทั่วประเทศแล้ว คดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และเตรียมจะพิจารณาเป็นคดีนอกราชอาณาจักร เพื่อเดินทางไปสอบสวนบริษัทต้นทางหมูเถื่อนในประเทศบราซิล (จะทำให้เสียเวลาอีกประมาณ 1 ปี) 3.คดีลักลอบนำเข้าซากสัตว์อื่น หมู วัว และขาไก่ จำนวน 10,000 ตู้ เกี่ยวข้องกับคนสนิทนักการเมือง มีการฟ้องร้องแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าของคดี และกลุ่มสุดท้ายหมูเถื่อนตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง 17 ตู้ พบมีบริษัทนำเข้าทำผิดกฎหมายเพิ่มเติมอีก 5 บริษัท ซึ่ง DSI คงทำการสอบสวนและส่งสำนวนต่อให้ ป.ป.ช. เช่นกัน

นายปรีชา กล่าวว่า หมูเถื่อนเป็นปัจจัยบ่อนทำลายการเลี้ยงหมูของไทยอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหมูเถื่อนซึ่งเป็นหมูที่มีต้นทุนต่ำกว่าไทย 50% จากประเทศบราซิลและประเทศในสหภาพยุโรป ทะลักเข้ามาและกระจายไปทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 70,000 ตัน กดราคาหมูไทยจนผู้เลี้ยงหมูต้องแบกภาระขาดทุนสะสมจนถึงทุกวันนี้ นานกว่า 12 เดือน ถึงขณะนี้ ราคาหมูหน้าฟาร์มที่ปรับขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิตของเกษตรกรที่ 80-82 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่เกษตรกรขายได้จริง 66-70 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น

นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และ DSI ต้องร่วมมือกันตรวจสอบบริษัทนำเข้าเนื้อสัตว์ที่อยู่ภายใต้เขตปลอดอากร (Free Zone) โดยได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าและขาออก ที่นำสินค้าเข้ามาโรงงานหรือพื้นที่ที่ขออนุญาตไว้ และทำการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมามีการตรวจพบหมูเถื่อนในพื้นที่ Free Zone จำนวนมาก หลังมีบริษัทนำเข้าถูกจับดำเนินคดีนำเข้าซากสัตว์ วัว ขาไก่และหมูเถื่อน จำนวน 10,000 ตู้ รวมถึงท่าเรือคลองเตย ที่ยังไม่เคยมีการตรวจค้น เพราะหากหมูเถื่อนที่ยังตกค้างถูกระบายออกมาจะฉุดราคาหมูในประเทศให้ตกต่ำอีกครั้ง เป็นการเพิ่มปัญหาขาดทุนสะสมของเกษตรกร และทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทย
“เกษตรกรอยากให้ DSI เร่งทำคดีและปราบปรามหมูเถื่อนให้หมดสิ้น นำการผลิตเข้าสู่ภาวะปกติ นำราคาเข้าสู่กลไกตลาดอย่างสมดุล แทนที่จะต้องแบกภาระขาดทุนจนต้องเลิกอาชีพไปจำนวนไม่น้อย หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของคนไทยในอนาคต” นายปรีชา กล่าว

ล่าสุดจากการเปิดตู้สินค้าตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ยังพบหมูเถื่อนอีก 17 ตู้ และอาจจะยังตกค้างอยู่ที่ท่าเรืออื่นๆ ได้ หากหมูเถื่อนถูกลักลอบออกจากท่าเรือไปจำหน่ายในตลาดได้อีก ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไม่มีวันจบ

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ รพ.ไทยนครินทร์มอบสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้า “MTL Health Buddy”

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ เพื่อสร้างความอุ่นใจและเติมเต็มชีวิตให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ตอกย้ำนโยบาย “Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง” ในฐานะคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คุณวางใจ (No. 1 Most Trusted Partner in Life & Health Planning)

ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต โดยโครงการ “MTL Health Buddy” จับมือ โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ร่วมเติมเต็มความอุ่นใจด้วยการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้าในโครงการ MTL Health Buddy ประกอบด้วย

· บริการให้คำแนะนำและปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทางโทรศัพท์ ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคกระดูกและข้อ การส่องกล้อง และการปลูกถ่ายไต

· รับส่วนลดกรณีจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ดังนี้

  • อัตราค่าห้องเหมาจ่ายราคาพิเศษ (รวมค่าห้อง, ค่าอาหาร, ค่าบริการพยาบาล, ค่าบริการทั่วไป)
  • รับส่วนลดค่ายา 10% (ยกเว้นยาพิเศษเฉพาะโรค)

· บริการขึ้นเยี่ยม และรับของที่ระลึกจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล สำหรับการรักษาแบบผู้ป่วยใน

· บริการรถส่งกลับบ้าน โดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลล่วงหน้า 1 วัน (ฟรีภายในระยะทางไม่เกิน 10 ก.ม.แรกจากโรงพยาบาล )

· บริการสำรองที่จอดรถ สำหรับลูกค้า MTL Health Buddy โดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลล่วงหน้า

.

โดยสิทธิประโยชน์ข้างต้น สามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้ ลูกค้าในโครงการ MTL Health Buddy ที่สนใจใช้บริการดังกล่าวเพียงโทร. 0 2290 2424 กด 3 หรือผ่าน MTL Click Application ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.00 น. ยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ MTL Health Buddy แจ้งความประสงค์ในการใช้บริการและรับบริการตามสิทธิประโยชน์พิเศษต่อไป

ทั้งนี้ โครงการ MTL Health Buddy ดูแลครบเครื่อง เรื่องสุขภาพ ผู้ช่วยด้านสุขภาพครบวงจร เป็นบริการพิเศษเฉพาะลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตทุกท่าน ทั้งประกันรายบุคคล และประกันกลุ่ม สามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญ แพทย์เฉพาะทาง ค้นหาแพทย์ที่เหมาะกับโรค พร้อมกับสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ผ่านเครือข่ายโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพียงโทร. 0 2290 2424 กด 3 หรือผ่าน MTL Click Application และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.muangthai.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766

ไทยเบฟ ‘มอบโอกาส…ไร้ขีดจำกัด’ เปิดรับสมัครงานกว่า 900 ตำแหน่ง ในงาน JOB EXPO THAILAND 2024

รายงานข่าวเปิดเผยว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้วางเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเชื่อมั่นว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จจะต้องทำงานร่วมกับพนักงาน เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้และการเติบโตไปกับองค์กรในระยะยาว และขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งไปพร้อมกัน

โดยปีนี้ ไทยเบฟ จะเปิดรับสมัครตำแหน่งงานกว่า 900 อัตราทั่วประเทศ ในงาน “JOB EXPO THAILAND 2024 มหกรรม…หางาน สร้างรายได้”  จัดโดย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน  ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการมีงานทำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อการสร้างรายได้ที่มั่นคง มีกำหนดจัดวันที่ 28-30  มิถุนายน 2567 ณ Hall  6-7 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสายงานที่ ไทยเบฟ จะเปิดรับสมัครในงานนี้มีมากกว่า 20 สายงาน อาทิ สายงานขาย สายงานบริการ สายงานบัญชี สายงานทรัพยากรบุคคล สายงานด้านไอที เป็นต้น

ทั้งนี้ งาน JOB EXPO THAILAND 2024 เป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ประจำปี สำหรับประชาชนทั่วไป รวมถึงนิสิต นักศึกษาจบใหม่ ให้เข้าถึงโอกาสได้พบปะกับกับนายจ้างโดยตรง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของไทยเบฟให้ประสบความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน

เชสเตอร์ พร้อมเสิร์ฟ 2 เมนูใหม่สุดฟิน เอาใจ ‘Curry Lover’ ฮอตถึงเครื่องสไตล์ญี่ปุ่น

Chester’s (เชสเตอร์) เปิดตัว 2 เมนูใหม่สุดพรีเมียม “ข้าวแกงกะหรี่ไก่กรอบ” ไก่ทอดกรอบไม่มีกระดูก กรอบฟินไม่มีสะดุด เสิร์ฟคู่ซอสแกงกะหรี่สุดเข้มข้น เผ็ดหอมกลมกล่อม ทานคู่ข้าวหอมมะลิร้อนๆ พร้อมผักดอง ในราคา 125 บาท และ “ข้าวแกงกะหรี่โกลเด้นฟิช” เนื้อปลาทอดโกลเด้นฟิชชิ้นใหญ่เต็มคำ กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่ซอสแกงกะหรี่รสเด็ดเผ็ดกำลังดี หอมเครื่ืองเทศกลมกล่อมสไตล์ญี่ปุ่น ทานคู่ข้าวหอมมะลิพร้อมผักดอง อร่อยลงตัว ในราคา 175 บาท สาวกข้าวแกงกะหรี่ต้องไม่พลาด! มาลองได้ ที่เชสเตอร์ทุกสาขา

ยังไม่พอ..จัดชุดสุดคุ้มให้ต่อ! ได้แก่ ชุดข้าวแกงกะหรี่ไก่ พิเศษเพียง 159 บาท (ปกติ 214 บาท) ฟินกับข้าวแกงกะหรี่ไก่กรอบ เสิร์ฟคู่เฟรนช์ฟรายส์ พร้อมเป๊ปซี่ 16 ออนซ์ 1 แก้ว หรือชุดข้าวแกงกะหรี่ปลา พิเศษเพียง 189 บาท (ปกติ 215 บาท) อิ่มอร่อยกับข้าวแกงกะหรี่โกลเด้นฟิช พร้อมเป๊ปซี่ 16 ออนซ์ 1 แก้ว ราคานี้เฉพาะทานที่ร้านหรือนำกลับเท่านั้น หรือสนใจสามารถสั่งผ่านเดลิเวอรี่ได้ทุกแอปพลิเคชั่น พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

เชสเตอร์ มุ่งมั่นและพัฒนาเมนูมีคุณภาพหลากหลาย รสชาติอร่อย รวมถึงการบริการที่รวดเร็ว เพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า พร้อมสร้างสรรค์เทรนด์เมนูอาหารแนวใหม่ และกิจกรรมทางการตลาดที่ทันสมัย เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ติดตามข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ได้ที่ Facebook Page เชสเตอร์ : https://www.facebook.com/chesterthai/ .

T&B ทุ่ม 620 ล. สร้างแอนิเมชัน “Out of the Nest” องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ เตรียมฉายทั่วโลก

T&B ทุ่ม 620 ล้านสร้างแอนิเมชัน “Out of the Nest” องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ ภูมิใจได้รับเลือกเป็น Annecy Presents จากกว่า 3,000 เรื่องที่เข้าชิง เตรียมฉายทั่วโลก พร้อมต่อยอดให้เป็น IP ที่มีชีวิต

​นายฐิติ ทองเบญจมาศ Group Deputy Chief Executive Officer บริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังจะมีผลงานแอนิเมชันเรื่องใหม่ ชื่อ “Out of the Nest” องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ ซึ่งทุ่มทุน 17 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 620 ล้านบาท โดยเป็นความร่วมมือ 3 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือ ไทย ที่นอกจาก T&B แล้ว ยังมีสตูดิโอ Riff Studio มาช่วยออกแบบตัวละคร ฝ่ายที่สอง Base FX จากจีน ซึ่งเคยมีผลงาน “Kung Fu Panda” และ “Shrek” มาช่วยด้านโปรดักชั่น และ ฝ่ายที่สามคือ Andrew Gordon โปรดิวเซอร์ระดับ Hollywood ที่มีผลงานสร้างชื่ออย่าง Toy Story 3, Finding Nemo และ Arturo Hernandez ผู้กํากับที่เคยทำ “Atlastis: The Lost Empire”, “Hercules” และ “Treasure Planet” มากํากับ และเขียนบทร่วมกับ Gillian Berrow นักเขียนบทชื่อดัง และ Fabrizio Mancinelli นักประพันธ์ดนตรีชื่อดัง ในแวดวงแอนิเมชันและภาพยนตร์

“Out of the Nest” เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง East และ West ที่ต่างฝ่ายต่างเอาความถนัดมาเติมให้เต็ม” นายฐิติกล่าว

​การได้พาร์ทเนอร์ที่ล้วนแล้วแต่เป็นมือดีของวงการ นายฐิติกล่าวว่า หลักๆ น่าจะเป็นเพราะความเชื่อมั่นที่แต่ละคนมีต่อ ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ หรือ ดร.แตน ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท T&B ซึ่งก่อนหน้านี้มีผลงานหลายอย่างเป็นที่ประจักษ์ อย่างเช่น “Shelldon” ที่แฟนแอนิเมชันหลายๆ ประเทศรู้จักกันดี และการร่วมมือครั้งนี้ T&B ถือเป็นแกนหลัก

“คิดง่ายๆ เหมือนเราจะสร้างเมืองขึ้นมาเมืองหนึ่ง ก็มีเจ้าเมืองที่เป็นแกน วางมาสเตอร์แพลนทั้งหมด โดยเราเป็นคนวางว่าไอเดียแบบนี้ แมสเสจแบบนี้ที่เราต้องการสื่อ Co-writer ก็จะมาช่วยกลั่นกรองให้มันโฟลว์ในเนื้อเรื่อง Director มาควบคุมโปรดักชั่น ให้แสง สี เสียง การตัดต่อ ร้อยเรียงไปอย่างที่เราต้องการ ผมมองว่าการนำจิ๊กซอว์หลายๆ อันมารวมกัน ต้องมีกาวที่ มาช่วยให้ต่อกันได้สนิท ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนมีฝีมือโดดเด่นเฉพาะตัว
​ถึงแม้ “Out of the Nest” องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ จะยังไม่ได้ลงโรงฉาย แต่ล่าสุดเราก็ไปสร้างชื่อในต่างแดนมา
เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับ Annecy Selections ในหมวด Annecy Presents จากงาน Annecy International Animation Film Festival ปี 2024 มาครอง โดยงานดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในงานเทศกาลภาพยนตร์แอนิเมชันที่ใหญ่ที่สุดในโลก

“เราเป็นแอนิเมชันของไทย ที่เป็น 1 ใน 12 เรื่อง จากทั้งหมด 3,000 กว่าเรื่องทั่วโลก ที่ได้รับเลือก ถือเป็นรางวัลการันตีคุณภาพได้อย่างสูงสุดในวงการแอนิเมชัน”

ส่วนของการจัดฉาย นอกจากจะเข้าโรงภาพยนตร์ในไทยและจีนแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการเซ็นสัญญากับบริษัทจัดจำหน่ายรายใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสที่จะรับหน้าที่จัดจำหน่ายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยจะมี
ทั้งการฉายในโรงภาพยนตร์และตามแพลตฟอร์มต่างๆ และนอกเหนือจากการฉายในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่น
แล้วจะต่อทำการต่อยอด “Out of the Nest” องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ ไปในรูปแบบของเพลง, เกม, สินทรัพย์ดิจิทัล และอื่นๆ

​“Out of the Nest” องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ จะฉายในไทยและทั่วโลกในช่วงปลายปีนี้ ช่วงเวลาเดียวกันเราจะทำเพลงโดยคอลแลปกับกลุ่มศิลปินที่มีชื่อเสียงพร้อมกับการทำเกมที่เป็นสากลที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถเล่นได้ ต่อยอดด้วย NFT แล้วก็ยังมี Merchandising ที่กำลังคุยอยู่กับหลายเจ้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก นอกจากนี้เรากำลังเจรจากับเจ้าของโรงแรมที่จีน เพื่อเอาคอนเซ็ตป์ของลูกไก่ทั้ง 7 ไปสร้างเป็นห้องพัก และกำลังเจรจากับสวนสนุก เพื่อจะมีมาสคอตเข้าไปสร้างความสุขในนั้น รวมทั้งเกมอินเตอร์แอ็คชั่น และที่สุดของการทำให้ IP ของเรามีชีวิตยืนยาว คือการนำไปสู่ Metaverse คือ โลกเสมือนที่ทุกคนทั่วโลกสามารถเข้าไปอินเตอร์แอ็คเสมือน IP นั้นมีชีวิตขึ้นมา นั่นคือ เราจะบอกว่าต่อไปนี้ T&B ไม่ใช่บริษัทแอนิเมชัน แต่เป็นบริษัท 360 องศา Entertainment Technology ที่เอาเทคโนโลยีมาร้อยเรียงให้ IP สามารถกระจายในตัวของมันเอง และมีชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งจะต่อยอดรายได้ให้บริษัทต่อๆ ไป”

นายฐิติกล่าวว่า ในส่วนของแอนิเมชัน แม้แรกเริ่มจะมองกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก แต่หลังจากนั้นพบว่ากลุ่มวัยรุ่น และผู้ใหญ่ก็ชอบ กลายเป็นหนังที่เหมาะกับทุกคน

“ตอนแรกเราตั้งใจจะสื่อสารให้เด็กทราบว่าการเป็นตัวของตัวเองและเคารพผู้อื่น ให้เกียรติกันและกันเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่กลายเป็นว่าเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น จะได้รับแมสเซจที่ไม่เหมือนกัน พ่อแม่พาลูกไปดู พ่อแม่ก็รู้สึกว่ามันแฝงบทเรียน คำสอนที่ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เรียกเด็กมานั่งสอน ส่วนลูกก็ได้เรียนรู้จากเนื้อเรื่อง วัยรุ่นก็ได้ในมุมของเขาและถ้าไปดูด้วยกัน อย่างน้อยมันก็จะเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัว ดูแล้วมาคุยกันว่าทำไมหนังถึงสื่อแบบนี้ ผมอยากให้ทุกคนได้มาดู ได้มาสัมผัสกับแอนิเมชันระดับโลกที่เป็นของคนไทย และได้รู้สึกภาคภูมิใจไปด้วยกันครับ” นายฐิติกล่าวในที่สุด

สามารถติดตามข่าวสาร อัปเดตความเคลื่อนไหว และกิจกรรมต่างๆ ของ “Out Of The Nest” ได้ทางโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม หรือ #outofthenest และเตรียมรับชมความสนุกในโรงภาพยนตร์ เร็วๆ นี้

AIS ที่ 1 ตัวจริง เคียงข้างมหกรรมกีฬาระดับโลก “Olympic Games Paris 2024” อีกครั้ง

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายที่มุ่งมั่นตั้งใจใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้แก่คนไทย รวมถึงเสริมศักยภาพของทุกภาคส่วนอย่างดีที่สุด พร้อมมอบความสุขในทุกช่วงเวลาจากบริการดิจิทัลหลากหลาย ผ่านเทคโนโลยี 5G และอินเทอร์เน็ตบ้าน ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ มากกว่า 90%  ดังนั้นในทุกครั้งที่มีกิจกรรมสำคัญในดวงใจของทุกคน  เราจึงไม่พลาดที่จะนำกิจกรรมดังกล่าวมาสู่สายตาคนไทยเสมอ”

เหลืออีกเพียง 58 วัน จะถึงวันแข่งขันที่นักกีฬาทั่วโลก รวมทั้งนักกีฬาไทยรอคอย การแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 AIS ขอเป็นหนึ่งแรงใจร่วมเชิญชวนคนไทยส่งแรงเชียร์ให้นักกีฬาไทยผ่านเข้ารอบคัดเลือกโอลิมปิก ไปสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย ในการแข่งขันกีฬาที่เป็นที่หนี่งของมวลมนุษยชาติ   AIS ยังมีความภาคภูมิใจ และ ตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการนำเสนอประสบการณ์การถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาครั้งนี้ให้คนไทยได้รับชมอีกครั้ง  โดยเราพร้อมสนับสนุนการถ่ายทอดทุกภาพความทรงจำจากการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์สู่สายตาคนไทยอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

“เพื่อให้คนไทยได้รับประสบการณ์ ส่งต่อกำลังใจพร้อมพลังนักสู้ จากคนไทยทุกคน มอบให้สุดยอดฮีโร่นักกีฬาไทย ขอให้คว้าชัยจากการแข่งขันในครั้งนี้” รุ่งทิพย์ กล่าวตอนท้าย

มหกรรมกีฬาระดับโลกอย่าง “Olympic Games Paris 2024” จะเริ่มแข่งขันตั้งแต่ 26 กรกฎาคม ถึง 11 สิงหาคม 2567 โดยเป็นการแข่งขันที่ทัพนักกีฬาไทยจะเข้าร่วมชิงชัยหลายรายการ ร่วมลุ้นและส่งกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนนำความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทยต่อไป

เมืองไทยประกันชีวิต ลุยงาน Money Expo 2024 ส่ง “ShieldLife – ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป…” พร้อมบริการวางแผนความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต เข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 “Money Expo 2024 Bangkok” ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “DIGITAL FINANCE FOR ALL การเงินดิจิทัล เพื่อทุกคน” ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการและโปรโมชัน ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างครบถ้วน พร้อมด้วยกิจกรรมมากมายและจัดเตรียมกลุ่มผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นไฮไลท์ในงาน ได้แก่

“ShieldLife – ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป…” เริ่มต้นวางแผนการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก ด้วยแบบประกันชีวิตที่คุณเลือกได้ ทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) ประกันชีวิตแบบคุ้มครองภายในระยะเวลา (Term) หรือประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) คุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย เลือกจ่ายเบี้ยได้ทั้งแบบสั้นหรือแบบยาว วงเงินความคุ้มครองเลือกได้ตามความต้องการ และเบี้ยประกันภัยยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอบโจทย์ผู้ซื้อได้ใช้ชีวิตอย่าง Worry Free โดยไม่เป็นภาระให้คนข้างหลัง ด้วยการสร้างและส่งต่อมรดกให้ครอบครัว เป็นตัวช่วยสภาพคล่องทางการเงิน หรือเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูก หรือเป็นทุนเริ่มต้นทำธุรกิจ ให้ใช้ชีวิตต่อได้แบบที่ต้องการ หากมีหนี้สิน จะเป็นตัวช่วยผ่อนภาระหนี้สิ้น ไม่ว่าจะเป็น หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ธุรกิจ หรือหนี้อื่นๆ ที่สุดคือการได้สร้างความสุขให้ตัวเองและไม่ทิ้งภาระให้กับใคร

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชันสำหรับโครงการ ShieldLife, เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ โปร 10/1 (Global), สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ ดี เฮลท์ พลัส, อีลิท เฮลท์ พลัส และ ซีไอ เพอร์เฟค แคร์ รวมถึงลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้ภายในบูธเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมบริการด้านการวางแผนประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพที่ออกแบบได้ตามความต้องการ โดยนักวางแผนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงิน จากเมืองไทยประกันชีวิต

สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ พบกับสิทธิพิเศษมากมาย ภายในบูธจุดบริการเมืองไทยสไมล์คลับ และสำหรับท่านสมาชิกฯ ที่มีคะแนนสไมล์พ้อยท์ สามารถนำคะแนนสไมล์พ้อยท์ แลกคะแนนสะสมเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมหรือรับบัตรกำนัล หรือ e-Voucher อาทิเช่น คูปองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ Smile Point to Invest ส่วนลดสำหรับซื้อกองทุนรวมผ่าน MTL myFund, บัตรกำนัลห้องพัก Relaxing Smile 2024 ลุ้นโชคกับเมืองไทยสไมล์มอบโชค 2567 หรือแลกรับของที่ระลึก ต่างๆ อาทิ บัตรกำนัลเซ็นทรัล 1,000 บาท บัตรเติมน้ำมัน ปตท. 1,000 บาท และ บัตรกำนัลสตาร์บัค 500 บาท เป็นต้น

พิเศษ สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับที่เปิดบัญชีกองทุนและแลกคะแนนในโครงการ Smile Point to Invest เพื่อซื้อหน่วยลงทุนรับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท (จากปกติ 100 บาท) หรือสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับที่มีบัญชีกองทุนแล้วสามารถแลกคะแนนในโครงการ Smile Point to Invest เพื่อซื้อหน่วยลงทุนรับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (สำหรับผู้เข้าร่วมรายการสูงสุด 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์ต่อวัน)

และอีก 1 บริการพิเศษสำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ร่วมกับ CareCover Clinic รับสิทธิ์ฟรี Physical Analysis Program โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลทางกายภาพเบื้องต้น หรือจะรับบริการ/ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่จุดบริการของ CareCover Clinic ภายในบูธได้

ทั้งนี้ ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตที่สนใจสมัครบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด พิเศษเฉพาะผู้ที่มาร่วมงานสามารถยื่นใบสมัครบัตรเครดิตฯ ได้ที่บูธเมืองไทยสไมล์คลับภายในงานได้เลย โดยผู้ที่ถือบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ดระดับ Pink และ Pink Gold จะได้รับสิทธิพิเศษมากมายทั้งจากธนาคารกสิกรไทย และเมืองไทยประกันชีวิต อาทิ รับเครดิตเงินคืน 0.25% เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต แบบไม่จำกัดจำนวนเงินคืน, ส่วนลดสูงสุด 50% เมื่อใช้บัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ดชำระค่าสินค้าและค่าบริการตามเงื่อนไขที่กำหนดจากโรงพยาบาลหรือร้านค้าพันธมิตรที่มีมากกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ

แล้วพบกันที่ บูธเมืองไทยประกันชีวิต งานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 “Money Expo 2024 Bangkok” ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี