Home Blog Page 39

Food Truck ซีพีเอฟ ล้อหมุน วิ่งรถส่งอาหารอุ่นสู่ชุมชน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งมอบอาหารปลอดภัย ผ่านรถ Food Truck สู่ชุมชนบางกอกน้อย ครั้งที่ 4 ตามโครงการ “อาหารปลอดภัยจากใจ…สู่ชุมชน” บรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารจากวิกฤตโควิด-19

นายชนินทร์ รุ่งแสง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายปฏิญญา ปารวัชรโกศล ผู้จัดการทั่วไป ด้านการตลาด ซีพีเอฟ พร้อมด้วย พนักงานซีพีเอฟจิตอาสา ร่วมส่งมอบอาหารอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน จากรถ Food Truck ซีพี เฟรชมาร์ท ให้แก่ชาวชุมชนเขตบางกอกน้อย เป็นครั้งที่ 4 ในโครงการ “อาหารปลอดภัย จากใจ…สู่ชุมชน” ที่ ชุมชนวัดอัมพวา เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

ซีพีเอฟ นำอาหารแช่เย็นผลิตตรงจากโรงงาน ซึ่งต้องควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่งและนำมาอุ่นร้อนให้พี่น้องได้รับประทานอย่างปลอดภัย โดยซีพีเอฟ ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ จะแจกอาหารให้กับชุมชนในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 23 ครั้ง ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ โดยได้เริ่มทำการส่งมอบอาหารให้แก่พี่น้องในชุมชมบางกอกน้อยเป็นลำดับแรก และจะขยายความช่วยเหลือไปยังเขตบางพลัด บางขุนเทียน บางบอน และหนองแขม ต่อไป

การส่งมอบอาหารให้กับประชาชน เป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศชาติ ประชาชน ให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด19 ไปด้วยกัน ภายใต้หลักคิด Good Corporate Citizen โดยซีพีเอฟ เป็นบริษัทที่ร่วมสร้างและดูแลสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าให้กับประเทศ

เสนอผ่อนปรนให้ถ่ายหนังละคร บันทึกเทปรายการทีวีได้

กระทรวงวัฒนธรรม เสนอศบค. พิจารณาผ่อนปรน ให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ หรือการบันทึกเทปรายการโทรทัศน์ 

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  หรือ ศบค.ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เป็นประธานฯ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 2 ให้ดำเนินกิจกรรมที่กระทรวงวัฒนธรรมกำกับดูแลอยู่ ทั้งการถ่ายทำภาพยนตร์ หรือการบันทึกเทปรายการโทรทัศน์ เนื่องจากการณรงค์ ให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ไม่ได้มีการถ่ายทำเนื้อหาต่างๆ เพิ่มเติม โดยภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้มีมูลค่าเกือบ 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจากตัวเลขทางด้านสาธารณสุขที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอการผ่อนปรนนี้ผ่านทางคณะกรรมการกลั่นกรองของ ศบค.ไปแล้ว และได้มีการเห็นชอบให้นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมในวันนี้

อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

สำหรับข้อเสนอที่จะอนุญาตให้กองถ่ายทำภาพยนต์มีทีมไม่เกิน 50 คนนั้น ได้หารือกันระหว่างสมาพันธ์ หรือสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่นในส่วนของผู้กำกับผู้เขียนบท ทั้งในส่วนของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์  เห็นว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถปฏิบัติได้ โดย 50 คนที่กำหนดนี้จะรวมทั้งนักแสดง ผู้กำกับ และทีมงานโดยต้องปฎิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ลงรายละเอียดชัดเจนสำหรับทุกคน เช่น นักแสดง ช่างแต่งหน้าจะต้องมีวิธีปฏิบัติอย่างไร โดยแต่ละมาตรการที่ผ่อนคลายทางกระทรวง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ในเรื่องของกองถ่ายละครที่กระทรวงวัฒนธรรมถือเป็นนายทะเบียน จะต้องประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อดูแลการลงพื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ มีทั้งในส่วนท้องถิ่นและการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้ออย่างต่อเนื่อง

ยกเลิกเปิดสนามบินภูเก็ต 16 พ.ค. ออกไปไม่มีกำหนด

กพท.ออกประกาศ ฉบับที่ 3 ยกเลิกประกาศก่อนหน้านี้ เรื่องเงื่อนไขเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานที่ให้เปิดสนามบินภูเก็ตพรุ่งนี้ 16 พ.ค.63

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศเรื่องเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานฉบับที่ 3 มีเนื้อหาว่า

ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานฉบับที่ 2 ประกาศณวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 กำหนดเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไปนั้น

แม้ว่าจังหวัดภูเก็ตจะสามารถควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เรือโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ด้วยสถานการณ์ยังถือว่ามีความเสี่ยงที่ต้องติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่พื้นที่อื่นและป้องกันมิให้โรคกลับมาแพร่ระบาดใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อีก

ดังนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อำนาจตามความในข้อ 1 วงเล็บ 3 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพุทธศักราช 2548 ฉบับที่ 5 ประกอบกับมาตรา 15/16 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศพุทธศักราช 2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศฉบับที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานดังต่อไปนี้

1 .ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องเงื่อนไขเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานฉบับที่ 2

2. รายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้ขึ้นลงได้รวมถึงเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานดังกล่าวเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2563

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศอื่นเปลี่ยนแปลง

ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2553

นายจุฬา สุขมานพ

ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

แนะ 9 มาตรการสำหรับห้างสรรพสินค้า หลังศบค.ให้เปิด 17 พ.ค.นี้

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 63 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้มีมติ

-อนุญาตให้เปิดห้างสรรพสินค้าได้ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ กำหนดเวลาปิดห้างไว้ที่ 20.00 น.

-อนุญาตให้สนามกีฬาเปิดบริการในวันที่ 17 พฤษภาคม เช่นกัน แต่ยังคงยกเว้นการแข่งขันกีฬาประเภททีม

-อนุญาตเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ โดยต้องยึดมาตรการการตรวจคัดกรอง ผู้เข้ารับบริการ ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขกำหนด

-เลื่อนเวลาเคอร์ฟิว เป็นเวลา 23.00 น. – 04.00 น. จากเดิมเวลา 22.00 น. – 04.00น.

ด้านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาแนะนำ 9 มาตรการสำหรับห้างสรรพสินค้าที่กลับมาเปิดให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า มีดังนี้

  1. ลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า หากไม่ใส่ ไม่อนุญาตให้เข้าห้าง
  2. ตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าห้าง หากลูกค้ามีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศา ห้ามเข้าห้าง
  3. เว้นระยะห่างทุกจุดบริการ จุดรอคิด ทางเข้า-ออก
  4. ตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ ตามจุดต่างๆ เช่น ทางเข้าออก หน้าลิฟต์ แคชเชียร์ เป็นต้น
  5. ทำความสะอาดสินค้าทุกชิ้นก่อนเปิดห้าง รวมทั้งสินค้าที่ถูกลอง
  6. จ่ายเงินด้วยระบบไร้เงินสด โมบายแบงกิ้ง อีเพย์เมนต์ เป็นต้น
  7. พน้กงานต้องสวมหน้ากากอนามัย / เฟสชิลด์ ในการให้บริการ
  8. คัดกรองความเสี่ยงของพนักงานก่อนให้บริการ
  9. ทำความสะอาดจุดเสี่ยงเป็นประจำ เช่น ราวประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์

หนี้เยอะ ผ่อนไม่ไหว ทำไงดี

รู้ทันปากท้อง กับตลาดหลักทรัพย์ ตอน “หนี้เยอะ ผ่อนไม่ไหว ทำไงดี”

จะทำยังไง เมื่อ “รายได้มีวันหยุดหา แต่ค่าใช่จ่ายไม่มีวันหยุดใช้”

อย่าจบปัญหาด้วยการสร้างหนี้ เพื่อมาจ่ายให้พอ

ฟัง กูรูปลดหนี้ มาจุดความคิด ฟังง่ายๆ ทำตามก็ง่าย ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น

เงาหุ้น : หุ้น CPN

วันที่ 14 พ.ค.63 ปิดที่ 1,280.40 จุด ลดลง 14.15 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 46,654.45 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,947.80 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 70.25 บาท ลบ 1.50, BAM ปิด 23.10 บาท ลบ 0.40 บาท, CPF ปิด 28.75 บาท บวก 0.50 บาท, PTT ปิด 35.50 บาท ลบ 0.50 บาท และ AOT ปิด 59.75 บาท ลบ 0.50 บาท

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิดในไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะหนุนให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนคลายให้กิจการต่างๆกลับมาดำเนินการได้เร็วขึ้น โดยล่าสุด การผ่อนคลายในระยะที่ 2 คาดว่าจะเริ่ม 17 พ.ค.63

บล.เอเซีย พลัส คาดว่าจะดีต่อธุรกิจที่สามารถกลับมาดำเนินการได้ อาทิ ห้างสรรพสินค้า และ Community Mall, ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า, ร้านค้าปลีก, สปา เป็นต้น แต่การผ่อนคลายดังกล่าวน่าจะยังไม่ทำให้กำไรของบริษัทในกลุ่ม กลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ

แต่จะส่งผลบวกในเชิง Sentiment เป็นหลัก ในหุ้นรายตัว ดังนี้ หุ้นศูนย์การค้า เช่น CPN ได้ Sentiment เชิงบวกจากการกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมีการปิดห้างสรรพสินค้าต่อเนื่องในเดือน เม.ย. ขณะที่คาดว่าห้างสรรพสินค้าต้องมีการให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าต่อเนื่อง แม้รายได้ค่าเช่าบริการฟื้นตัวขึ้นใน 2H63 เทียบกับ 1H63 แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ

หุ้นกลุ่มค้าปลีก ประเมินร้านค้าปลีกที่ปิดสาขาในช่วงก่อนหน้า เริ่มกลับมาเปิดสาขาได้แล้วราว 50% ของสาขาทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นสาขาต่างจังหวัด และส่วนที่เหลือคาดจะกลับมาเปิดได้ในวันที่ 17 พ.ค.63 การเข้าลงทุนจึงเน้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์กลับมาเปิดสาขาสูง เช่น COM7 (ให้มูลค่าพื้นฐาน 23.50 บาท) และ DOHOME (มูลค่าพื้นฐาน 7.90 บาท)

โดยเอเซีย พลัส ชื่นชอบ CPN และ COM7 มากสุด โดยน่าจะเป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับ Fund Flow ในลำดับถัดไป โดยหากศูนย์การค้าเปิด 17 พ.ค.63 คาดส่งผลให้ราคาหุ้น CPN ที่ Laggard SET Index อยู่ ณ ปัจจุบัน จะกลับมา

Outperform ได้ในเวลาถัดไป และ CPN มีฐานะการเงินที่แข็งแรง เชื่อว่าจะรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ได้ดี และพร้อมกลับมาเติบโตมั่นคงในระยะยาว อีกทั้งมี Upside สูงเป็นลำดับต้นๆในกลุ่มศูนย์การค้า!!

ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สนง.สลากฯ จัดระเบียบ คุมเข้มการออกรางวัล ผู้ถูกรางวัลต้องจองคิวขึ้นเงินล่วงหน้า

ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การออกรางวัลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 จะยึดแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข โดยจำกัดจำนวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ออกรางวัล โดยให้กรรมการ เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

ประชาชนที่เข้าชมการออกรางวัล ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และในห้องออกรางวัลอาจมีที่นั่งลดลงจากเดิม เนื่องจากการเว้นระยะห่างเพิ่ม (Social Distancing)

สนง.สลากฯ ขอความร่วมมือให้ประชาชนรับชมการถ่ายทอดสดการออกรางวัลผ่านโทรทัศน์ วิทยุ หรือสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีความสะดวก ปลอดภัย และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ที่รณรงค์ให้อยู่บ้านและลดการเดินทาง

สำหรับการขึ้นรางวัลที่สำนักงานสลากฯ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี จะต้องลงทะเบียนจองคิวผ่านเว็บไซต์ www.glo.or.th เพื่อนัดหมายเวลาล่วงหน้าก่อนมาขึ้นรางวัล

เริ่มให้จองคิวการขึ้นรางวัลของสลากงวด 1 เมษายน 2563 ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมนี้

เริ่มให้มาขึ้นรางวัลที่สำนักงานฯ ได้ตั้งแต่ 18 พฤษภาคม เป็นต้นไป

กำหนดรับขึ้นเงินรางวัลได้ไม่เกินวันละ 65,000 ฉบับ

วิธีการจองคิวผ่านเว็บไซต์ www.glo.or.th

  • กรอกชื่อ-นามสกุล
  • หมายเลขบัตรประชาชน
  • จำนวนสลากฯ ที่จะมาขอขึ้นรางวัล จากนั้นก็มาขึ้นรางวัลตามวันเวลาที่ได้จองไว้ได้

นอกจากนี้ ผู้ถูกรางวัล สามารถขึ้นรางวัลได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และธนาคารกรุงไทยเฉพาะสาขากรุงเทพและปริมณฑล

ไทย ครองอันดับ 1 ของโลก ประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เฟสบุ๊คเพจ “ไทยคู่ฟ้า” ได้โพสผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 ของเว็บไซต์ U.S. News & World Report เว็บข่าวชื่อดังของสหรัฐฯ มีเนื้อหาสรุป ดังนี้

“อีกหนึ่งข่าวดี…เว็บไซต์ข่าวชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง U.S. News & World Report ได้เผยผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 โดยยกให้ “ประเทศไทย” เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ จากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก

10 อันดับแรก ประเทศที่เริ่มต้นทำธุรกิจดีที่สุดในโลก ได้แก่
1. ไทย
2. มาเลเซีย
3. จีน
4. สิงคโปร์
5. อินเดีย
6. ฟิลิปปินส์
7. เม็กซิโก
8. สวิตเซอร์แลนด์
9. อินโดนีเซีย
10. แคนาดา

นับเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติเข้ามาหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้น โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข ที่ล่าสุดบุคลากรการแพทย์บ้านเราได้ทำการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 หายแล้วกว่า 94% จากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ถือเป็นความสำเร็จอย่างมากในการป้องกันและรักษาโรคระบาดที่มีประสิทธิภาพ สมกับที่ได้รับการจัดอันดับ Top 6 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ประเทศที่มีความมั่นคงด้านสาธารณสุขจาก ม.จอห์นส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ ที่ได้ทำการสำรวจวิจัยจาก 195 ประเทศทั่วโลกในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา

ที่มา เพจ ไทยคู่ฟ้า

ปลดล็อค 16 พ.ค. เปิดสนามบินภูเก็ต

รายงานขาวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2563 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ลงนามประกาศ กพท. เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 2)

ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม พศ. 2563 ซึ่งออกตาม ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ซึ่งกำหนดห้ามหรือจำกัดการดำเนินการหรือการทำกิจกรรมบางอย่างตามพระราชกำหนดและ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมถึงการห้ามผู้ใดใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน เว้นแต่เป็นไปตามประกาศเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศกำหนด นั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จังหวัดภูเก็ตสามารถควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVD-19) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตในการประชุมครั้งที่ 29/2563 วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ได้แจ้งมติเห็นควรให้เปิดการดำเนินงานของสนามบินภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.01 เป็นต้นไปเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีความประสงค์จะใช้เส้นทางทางอากาศ

ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 (3) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 5) ประกอบกับมาตรา 15/10 (6) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พศ. 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานเป็นการเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้

  1. ให้เพิ่มท่าอากาศยานภูเก็ตในรายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ โดยระยะเวลาที่สามารถใช้ท่าอากาศยานได้ให้เป็นไปตามที่กำหนดในเงื่อนไขและข้อจำกัดประกอบใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะของท่าอากาศยานภูเก็ต
  2. รายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
    ให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้
  3. เพื่อเป็นการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของจังหวัดภูเก็ต ในการเดินทาง
    ด้วยอากาศยานเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต ผู้โดยสารจะต้องจัดเตรียมเอกสารแสดงบุคคลเพื่อเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตตามแบบ ภค. 1 และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ประจำท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อประมวลผลข้อมูลในกรณีที่มีความจำเป็นต้องติดตามและปฏิบัติทางการแพทย์ให้เจ้าหน้าที่ประจำก่อากาศยานภูเก็ตให้ความร่วมมือในการรวบรวมข้อมูลตามแบบสำรวจบุคคลที่ประสงค์จะเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามแบบ ภก. 2 ส่งให้จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.01 เป็นตันไป

เจ้าสัวธนินท์แนะ ฟื้นท่องเที่ยว / ออกพันธบัตรขายตปท. กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

นายธนินท์ เจียรวนนท์  ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวถึงวิกฤตโควิด-19 ว่า ทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างมหาศาลไม่เฉพาะในไทย เช่น การทำงานจากที่บ้านขององค์กรต่างๆ ทำให้เกิดความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี ทำให้ต่อไปสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ

เชื่อว่าวิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาเติบโตมากขึ้น เช่นเดียวกับการศึกษาออนไลน์ การซื้อสินค้าออนไลน์ และสังคมไร้เงินสด

นายธนินท์กล่าวว่าการฟื้นการท่องเที่ยวไทยอาจเริ่มได้จากการเจาะกลุ่มมหาเศรษฐีในประเทศต่าง ๆ เช่น ในจีน อเมริกา และยุโรป ให้มาท่องเที่ยวในเมืองไทยโดยใช้จุดแข็งเรื่องการแพทย์ทำให้เห็นว่ามาเมืองไทยปลอดภัยและสะดวกสบาย ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการอำนวยความสะดวก 

รัฐบาล และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ควรติดต่อกับบริษัทท่องเที่ยว และโรงแรมระดับ 5 ดาวในประเทศ ในทุกจังหวัดที่มี เพื่อเสนอแพคเกจทัวร์ที่ดี มีความปลอดภัย สามารถหาความสงบ และสนุกสนานได้ในระหว่างที่ต้องพัก 14 – 15 วันได้ โรงแรม 5 ดาวที่มีอยู่วันนี้ก็ว่างอยู่แล้ว ถ้าเพียงแต่ทำแพคเกจที่ดีไปเสนอ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีน อเมริกัน หรือ ยุโรป หรือแม้แต่รัสเซีย เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่มีเงินจะกลับมาเที่ยวในไทย

แม้ว่า ประเทศจะสูญเสียรายได้เฉลี่ยวันละหมื่นกว่าล้านบาท เดือนละ 4-5 แสนล้านบาท จากการปิดประเทศ แต่ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาลเพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัสจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายทำให้เริ่มคลายล็อกได้บ้างแล้ว

ประธานอาวุโส ซีพี ยังแนะว่า รัฐบาลควรออกพันธบัตร อายุ 30 ปี กู้มาสัก 3 ล้านล้าน เพื่อนำมารักษากำลังซื้อ ให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้ โดยขายพันธบัตรในต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาช่วยบริษัทไทยที่ดี ๆ ให้ทำธุรกิจต่อได้ อาจให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ 10 ปี เพื่อให้ธุรกิจเขาไปต่อได้ ถ้าบริษัทปิดโรงงานปิดเครื่องจักร กว่าจะกลับมาฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ไม่ง่าย เหมือนการสร้างบ้านสร้างตึกต้องใช้เวลาหลายปีแต่ระเบิดทิ้ง่ายนิดเดียวแค่ไม่กี่วินาที หากธุรกิจไปต่อได้รัฐบาลก็จะยังได้กลับคืนเป็นภาษี

และย้ำว่า เครดิตด้านการเงินการคลังของไทย ถือว่าอยู่ในระดับท็อปของโลกและดีกว่าหลายประเทศในโลก รัฐบาลจึงควรใช้ เครดิตที่ดีไปนำดอกเบี้ยถูก ๆ มาจากทั่วโลก ไม่ใช่ออกพันธบัตรมาเอาเงินของคนไทยด้วยกัน ซึ่งไม่ได้เพิ่มเติม เหมือนอยู่ในบ่อเดียวกัน ทำไมไม่เอาบ่อคนอื่นมาเติมให้น้ำเราเต็ม และถ้าบริษัทต่างๆ สามารถประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงวิกฤตไปได้ ไม่ต้องปลดพนักงานยังจ่ายเงินเดือนได้ก็ทำให้มีกำลังซื้อในตลาด