Home Blog Page 20

ซีพี ตอกย้ำยกระดับการกำกับกิจการที่ดีสู่มาตราฐานสากล ขนทัพผู้บริหารระดับสูง เข้าอบรมหลักสูตรธรรมาภิบาล

เครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดอบรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีหลักสูตร “Corporate Governance In Practice” ประจำปี 2563 ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในเครือฯ ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ เป็นวิทยากรในการอบรม เพื่อสร้างการรับรู้ถึงความจำเป็นของหลักธรรมาภิบาล และสร้างความตระหนักรู้บทบาทของผู้บริหารในฐานะตัวแทนองค์กรในการนำหลักธรรมาภิบาลไปประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในเครือฯ ให้ความสนใจเข้าร่วมอบรม นำโดย คุณนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร, คุณวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการบริหาร, คุณอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการบริหาร, คุณกนกนารถ นำพาเจริญ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง, คุณพัชรี คงตระกูลเทียน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในเครือฯ กว่า 40 คน ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้

สำหรับหลักสูตร “Corporate Governance In Practice” เป็นส่วนหนึ่งของ 5 หลักสูตรการกำกับกิจการที่ดี ประจำปี 2563 ที่เครือฯ จัดอบรมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1. Corporate Governance in Practice 2. Preventing Corruption & Fraud 3. Fair Trade Competition 4. Human Rights & Labor Practice และ 5. Strategic Cyber Security Management ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนการบริหารงานโดยหลักธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานของบริษัทชั้นนำระดับโลก ไปพร้อมกับการยึดมั่นค่านิยม “คุณธรรมและความซื่อสัตย์” เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์อันดีต่อผู้มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมความเจริญเติบโตในการดำเนินธุรกิจของเครือฯ อย่างยั่งยืน

ซีพีเอฟ ผนึกกำลังผู้บริหาร-พนักงาน ร่วมต่อต้านคอร์รัปชันวิถีใหม่2563

บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยนายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนและนายเฉลิมชนม์ กุณฑลวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานร่วมแสดงพลังต่อต้านการทุจริตในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันประจำปี2563 

ทั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดมาต่อเนื่องโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทยภายใต้แนวคิดจับโกงโคตรง่ายแค่ปลายนิ้ว“Power of Data” ปีนี้เป็นครั้งแรกที่จัดงานลักษณะใหม่Virtual Collaboration ผ่านระบบออนไลน์รองรับวิถีNew Normal เพื่อแสดงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลของเอกชนขณะที่ซีพีเอฟมีการประกาศนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการป้องกันและต่อต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรควบคู่ไปกับการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่อาคารซี.พี.ทาวเวอร์สีลม

เอไอเอส แสดงพลังต่อต้านการคอร์รัปชัน ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ และรับผิดชอบสังคม

เอไอเอส โดย นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน ร่วมแสดงพลังต่อต้านการคอร์รัปชัน ภายใต้แนวคิด จับโกง โคตรง่าย แค่ปลายนิ้ว “Power of Data” ผ่านช่องทางออนไลน์ สอดรับชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งจัดโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย

ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังให้ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานเกิดค่านิยมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ และรับผิดชอบต่อสังคม

ออมสิน ขยายเวลาพักหนี้ต่ออีก 3 เดือน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มอบนโยบายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงธนาคารออมสินพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานกาณ์โควิด-19 อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ ที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้ที่ได้รับผลกระทบด้วยการให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแบบอัตโนมัติเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 30 กันยายน 2563 แต่เนื่องจากลูกค้าและประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ธนาคารจึงพิจารณาที่จะออกมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องด้วยการขยายเวลามาตรการพักชำระหนี้อัตโนมัติต่อไปอีก 3 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563

พร้อมกับเปิดทางเลือกให้ลูกค้าที่ไม่ประสงค์จะพักชำระหนี้ต่อและต้องการออกจากมาตรการ สามารถเลือกแผนการชำระหนี้ได้ 3 ทางเลือก โดยลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์และเลือกแผนการชำระหนี้ด้วยตัวเองได้ที่แอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2563 นี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

สำหรับแผนการชำระหนี้ 3 ทางเลือก ประกอบด้วย แผนที่ 1 พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ยทั้งจำนวน 100% จากเงินงวดต่อเดือนตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้หรือสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม แผนที่ 2 ชำระดอกเบี้ยปกติทั้งจำนวน 100% และเงินต้น 50% แผนที่ 3 ชำระเงินงวดต่อเดือนตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ หรือสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม โดยเมื่อแจ้งแผนการชำระหนี้ผ่าน MyMo แล้ว จะมีผลในวันถัดไปทันที ทั้งนี้ กรณีที่ลูกค้ามีสัญญาเงินกู้มากกว่า 1 ราย จะต้องให้ผู้กู้หลัก (มีชื่อเป็นผู้กู้ลำดับแรกในสัญญาเงินกู้) เป็นผู้มีสิทธิ์แจ้งความประสงค์ออกจากมาตรการผ่าน MyMo เท่านั้น ส่วนลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนนิติบุคคลให้ไปดำเนินการแจ้งความประสงค์ที่สาขาเจ้าของบัญชี

อย่างไรก็ตาม การแจ้งความประสงค์ออกจากมาตรการพักชำระหนี้ในระยะแรก สามารถดำเนินการผ่าน MyMo เท่านั้น โดยลูกค้าที่ขอออกจากมาตรการพักชำระหนี้ต้องปรังปรุง(อัพเดท)แอปพลิเคชัน MyMo เป็นรูปแบบล่าสุด (เวอร์ชั่น 1.34.0) เพื่อให้สามารถเข้าสู่มาตรการและทางเลือกพักชำระหนี้ได้ ขณะเดียวกัน ในอนาคตธนาคารฯ จะได้ขยายไปยังช่องทางอื่นต่อไป โดยลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน Call Center โทร.1115 และธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ.

ซีพีเอฟ ปล่อยแคมเปญไหว้สารทจีนกับซีพี รับวิถีชีวิตปกติใหม่

นายกฤษณ มรกต รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทยกทัพสินค้ามงคลชั้นดีที่ใช้ในการไหว้อย่างหลากหลาย โดยไฮไลท์ชุดของไหว้ในปีนี้ ยังคงเน้นชุดไหว้ซาแซเป็ดพะโล้ ซึ่งเป็นสินค้าขายดีที่เหมาะอย่างยิ่งกับการไหว้เสริมสิริมงคล ได้แก่ “เป็ดนางฟ้า” เป็ดพะโล้ ขนาดตัวกำลังพอดี ปีกสวยงามดั่งนางฟ้า เพื่อความสมบูรณ์ เงินทองไหลมาเทมา, “ไก่นางพญา” ไก่ต้มทั้งตัว รูปร่างสวย เนื้อแน่น เพื่อความก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน และ “ขาหมูจักรพรรดิ์” ขาหมูพะโล้ ที่มาแบบเต็มชิ้น เนื้อแน่นๆ หนังนุ่ม ถึงรสเครื่องพะโล้ เพื่อความมั่งคั่ง” และสินค้าไหว้มงคลอื่นๆ อีกมากมาย ที่มาพร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในการจับจ่ายสินค้าช่วงเทศกาลในราคาที่เหมาะสม และถูกต้องตามประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน ตามความเชื่อที่ว่าไหว้ของดีชีวิตเป็นมงคล

ภายใต้แนวคิด “เพิ่มสุขสร้างบารมี ไหว้ให้ดีต้อง CP ของไหว้สารทจีน” เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์เจ้าแห่งเทศกาลและความหลากหลายของสินค้าไหว้มงคลชั้นดี พร้อมกระตุ้นกำลังซื้อชาวไทยเชื้อสายจีน 

“ซีพีเอฟ เป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัย เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าในวิถี New Normal มากขึ้น ทั้งตัวสินค้าที่เป็นสินค้าแช่แข็ง ในแพ็คที่บรรจุอย่างดี ปิดสนิท สะอาด ง่ายต่อการซื้อหาไว้ล่วงหน้า แล้วแช่แข็งไว้ได้โดยที่ยังคงคุณภาพที่ดี คงคุณค่าทางโภชนาการ และยังเตรียมสะดวกด้วยรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถต้มในน้ำเดือดได้ (Boiled-in Bag) ทำให้ง่ายต่อการปรุง และเตรียมของไหว้ ลดภาระและความยุ่งยากให้กับผู้บริโภคทั่วไปและคนรุ่นใหม่ที่มีเวลาจำกัด ผ่านช่องทางการจำหน่ายทุกช่องทาง ที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ความครบครัน”

ผู้ที่สนใจ สั่ง CP ของไหว้สารทจีน ผ่าน Lineman และ wongnai ฟรีส่วนลดค่าจัดส่ง 100 บาท เพียงกรอกโค้ด CP100 ตั้งแต่ 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2563 นอกจากนี้ ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อสินค้าไหว้เจ้าซีพี ครบ 1,500 บาท รับฟรีกระเป๋าเก็บความเย็น มูลค่า 450 บาท เฉพาะที่ Makro ในสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 8 กันยายน ศกนี้

เอไอเอส ยกระดับ myAIS App เวอร์ชั่น X ตอบโจทย์รู้ใจลูกค้า

นางบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์ บริษัท เอไอเอส เปิดเผยว่า  myAIS App เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด Everyday Lifestyle Application ทั้งการปรับ User Interface ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ขณะที่ ขนาดของ myAIS App เล็กลงกว่าเดิม ช่วยประหยัดพื้นที่การจัดเก็บบนสมาร์ทโฟนของลูกค้า รวมถึง การพัฒนาฟังก์ชั่นการทำงานที่รู้ใจลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วยการนำเสนอแพ็กเกจที่เหมาะสมกับลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งาน พร้อมเพิ่มความพิเศษให้ลูกค้าสามารถเข้าติดตามและรับสิทธิ์ได้ในทุกๆ วัน ซึ่งประกอบไปด้วย

บุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์ เอไอเอส 
  1. Express Services ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานให้สะดวก ง่าย โดยคำนึงถึงการใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก รวมถึง มาตรฐานความปลอดภัยด้านการชำระเงินที่ได้มาตรฐานระดับโลก
    •  สะดวกและปลอดภัยในการเข้าใช้งานด้วยระบบ Biometric log-in สแกนใบหน้าหรือนิ้วมือ และเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน myAIS App ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) เป็นโอเปอร์เรเตอร์เจ้าเดียวที่ได้รับมาตรฐานนี้
    • เข้าถึงฟังก์ชั่นการใช้งานยอดนิยมที่สะดวกและง่ายกว่าที่เคย ทั้งการเช็คยอดค่าใช้บริการ จ่ายบิล, เติมเงิน และสมัครแพ็กเกจ สำหรับลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์
    • เป็นโอเปอร์เรเตอร์เพียงรายเดียวในไทยที่ให้บริการเปิดใช้ซิมด้วยตนเองออนไลน์ (eKYC) ที่รองรับการแสดงตนทั้งสำหรับลูกค้าใหม่ชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เปิดใช้งานได้ทันทีภายในแอป
    • ลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์ สามารถรวมหมายเลข เพื่ออัปเกรดรับสิทธิ์เป็นลูกค้าเซเรเนดได้ (สูงสุดไม่เกิน 5 หมายเลข)
    • บริการช่องทางการชำระเงิน (Payment) ครบทุกรูปแบบและปลอดภัยสูงสุด เลือกชำระผ่านช่องทางบัตรเครดิต, บัตรเดบิต, e-Wallet,  App-To-App, พร้อมเพย์ และ QR Code
    • เลือกช้อปสินค้าออนไลน์จาก AIS Online Store ได้ง่ายๆ ผ่านทาง myAIS App
  2. Extra Personalization เรียนรู้พฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าโดยใช้ Machine Learning เพื่อนำเสนอแพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้แพ็กเกจที่คุ้มค่ากับการใช้งานสูงสุด
    • Special Package ลูกค้าเอไอเอส รับสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น อาทิ แพ็กเก็จอินเทอร์เน็ตเพิ่ม 3 เท่าที่จะมีขึ้นทุกเดือนผ่าน myAIS App เท่านั้น
    • Promotion Package พบกับโปรโมชันพิเศษ ที่รวมข้อเสนอพิเศษแบบ Personalization ที่โดนใจลูกค้ามากกว่าที่เคย
    • Serenade Great Deal นอกจากง่ายขึ้น ด้วยที่บริการ AIS Online Store อย่างไร้รอยต่อแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษทุกเดือนที่มอบให้แก่ลูกค้าเซเรเนด สามารถใช้ AIS Points เป็นส่วนลด On Top ในการซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นสุดฮิตได้มากกว่า
  3. Exclusive Privileges เพิ่มสิทธิพิเศษใหม่ และขยายสิทธิพิเศษเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้า AIS 5G สามารถใช้สิทธิพิเศษได้ทุกที่ทุกเวลาบน myAIS App
    • AIS Coupon สิทธิพิเศษบน myAIS App ที่จัดขบวนพร้อมเสิร์ฟมาให้ลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส
    • ไฟเบอร์ รับ AIS Coupon ฟรีได้ทุกวัน จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2563 รวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านใบ 
    • Gamification กิจกรรมเกมสุดสนุก “อุ่นใจท้าล่ารางวัล” โดยลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์  ใช้เพียง 1 AIS Point สูงสุดไม่เกิน 3 AIS Points ก็สามารถเล่นเกมลุ้นรับของรางวัลได้สุดคุ้ม ทั้งแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบเต็มสปีด, AIS Points สูงสุด 100 พอยท์ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
    • Lucky Draw รวบรวมกองทัพของรางวัลสุดพิเศษรวมไว้ที่นี่…ที่เดียว ทั้งสมาร์ทโฟน และ Gadget สุดฮอต คัดเฉพาะ Rare Item มาให้ลุ้นรับไปได้อย่างง่ายๆ และขยายความพิเศษขั้นสุด “โชคหล่นทับกับแอป myAIS” สำหรับลูกค้าเอไอเอส และ เอไอเอส ไฟเบอร์ ได้ลุ้นรับรถจักรยานยนต์ Yamaha FINN หรือ ทองคำได้ทุกเดือน เมื่อเติมเงิน หรือจ่ายบิล ผ่าน myAIS App ทุก 100 บาท รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัล รวมมูลค่าของรางวัลตลอดปีกว่า 15.8 ล้านบาท
    • AIS Points เติมความสุขได้ตลอดแบบง่ายๆ เพียงใช้พอยท์ เลือกรับสิทธิพิเศษตอบโจทย์
  4. ไลฟ์สไตล์ได้ทุกวัน ทั้งค่าโทร ค่าเน็ต ของพรีเมียมสุดคูล และส่วนลดร้านดังอีกเพียบ พร้อมยังสะสมพอยท์เพิ่มได้อีกเพียงเล่นเกมบน myAIS App ที่เดียวเท่านั้น
    • หลากหลายสิทธิพิเศษ ที่เอ็กซ์คลูซีฟรับสิทธิ์เฉพาะบน myAIS App เท่านั้น อาทิ รับส่วนลดสูงสุด 50% สิทธิพิเศษใหม่ Well-Being ที่เอไอเอส จับมือกับพันธมิตรวงการแพทย์และความงามทุกภาคส่วน นำโดย กระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลชั้นนำ, ศูนย์บริการการแพทย์และความงาม, บริษัทประกันชีวิต, แอปพลิเคชันปรึกษาแพทย์ออนไลน์ และผู้ประกอบการสินค้าสุขภาพของไทย, ส่วนลดแพ็กเกจท่องเที่ยวตั๋วเครื่องบินและที่พักระดับ 5 ดาว ราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 5,700  บาท รวมถึง พันธมิตร Food Delivery ยอดนิยมตอบรับไลฟ์สไตล์ยุค New Normal มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 50% จากร้านอาหารสุดฮิตทั่วประเทศ

ลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์ สามารถดาวน์โหลดเพื่อรับความพิเศษจากแอป myAIS  ได้แล้ววันนี้ ทาง App Store และ Play Store

หนี้ครัวเรือนพุ่งกระฉูด 80.1% สูงสุดในรอบ 4 ปี ด้านตัวเลขคนตกงานเพิ่มขึ้น 4 แสนคน

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า หนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพีไตรมาส 1/2563 พุ่งขึ้นมาเป็น 80.1% ถือว่าสูงสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี พ.ศ. 2559 ซึ่งยังเป็นตัวเลขที่รับได้ สำหรับโอกาสที่หนี้ต่อจีดีพีจะเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทำให้คนมีรายได้มากขึ้น เพื่อส่วนหนึ่งนำไปชำระหนี้

ส่วนจะมีการต่ออายุมาตรการพักชำระหนี้ออกไปหรือไม่นั้น ต้องติดตามการแถลงของนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนใหม่

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้ คือ ตัวเลขผู้ว่างงาน โดยล่าสุดมีแรงงานในระบบ ตกงานเพิ่มขึ้น 420,000 คน และอีก 1.7 ล้านคน ยังมีสถานะเป็นผู้มีงานทำ แต่ยอมลดเงิน หรือ หยุดทำงานชั่วคราวโดยไม่รับเงินเดือน อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะตกงาน หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น และธุรกิจต้องปิดกิจการลง

นอกจากนี้ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้า แม่ค้า วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อีก 16 ล้านคน อาจเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งภาครัฐต้องเข้าไปดูแลเป็นการเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์โควิด-19 ในไทยเกิดการระบาดรอบ 2 รุนแรงจนต้องล็อกดาวน์เศรษฐกิจอีกรอบ จะทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคน

ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2563 ติดลบ 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยครึ่งปีแรก 2563 เศษฐกิจไทยติดลบ 6.9% สาเหตุหลักคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หลายประเทศต้องล็อกดาวน์ กระทบต่อการค้าและการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ปีนี้ทั้งปี จีดีพีจะติดลบ 7.5% ภายใต้สมมติฐานการแพร่ระบาดรอบ 2 อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ มีการจำกัดการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจนถึงสิ้นปี 2563 และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ไม่ทวีความรุนแรงหรือมีมาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้น

ขณะที่การส่งออกไทยไตรมาส 2 ติดลบ 17.8% หากไม่รวมการส่งออก ทองคำจะติดลบ 21.4% ซึ่งเป็นไปตามภาวะถดถอยรุนแรงของเศรษฐกิจและการค้าโลก

ทั้งนี้ มองว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดและจะเริ่มฟื้นตัวไตรมาส 3 และ 4 ส่วนจะฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหนยังขึ้นอยู่กับการพัฒนาวัคซีน หากเป็นไปตามคาด จะมีวัคซีนออกมาใช้กับคนได้ในกลางปีหน้า จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นชัดเจนช่วงครึ่งปีหลังปี 2564

สภาพัฒน์ เสนอแนะให้ภาครัฐ ประสานนโยบายการเงินการคลัง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ติดตามมาตรการที่ดำเนินไปแล้วให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มีความยืดหยุ่น พิจารณามาตรการเพิ่มเติมสำหรับธุรกิจและแรงงานในสาขาเศรษฐกิจที่ยังมีปัญหาในการฟื้นตัว การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าและสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการลงทุนเอกชน การดูแลภาคการเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้งและการลดลงของราคาสินค้าส่งออก

เตือนภัย ลิงก์ลวงหลอกแจก Gift Voucher ปลอมห้างดัง แล้วล้วงข้อมูล

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เพจกองปราบปราม ได้โพสเตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์ ใช้กลลวงใหม่เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ชอบ

โดยใช้ประโยชน์จากการที่ปัจจุบัน ธุรกิจการค้าออนไลน์ในช่วงสภาวะ Covid-19 ถือได้ว่าเป็นช่วงที่มีการปรับตัวไปในทางที่เราคาดไม่ถึง คนอยู่บ้าน และซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ทางผู้ขายต่างออกโปรโมชั่นเพื่อทำการตลาดดึงดูดลูกค้า ซึ่งสิ่งที่ทำได้ง่ายสุดเลยก็คือ การออก Gift Voucher ที่ใช้เป็นส่วนลดแทนเงินสดได้

ทำให้มิจฉาชีพมีกลลวงรูปแบบใหม่ ทำลิงค์ส่ง Gift Voucher ที่ใช้แทนเงินสดได้ ของร้านสะดวกซื้อ หรือห้างดัง หลอกล่อให้ประชาชนกดเข้าไปเพื่อรับสิทธิดังกล่าว โดยจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น Username, Password ของ Line หรือ Facebook หากหลงกรอกข้อมูลไป มิจฉาชีพก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เข้าถึงบัญชี Line หรือ Facebook ของเรา หากบัญชีเหล่านี้ผูกกับบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิตไว้ ก็อาจเกิดความเสียหายตามมาได้

ทางกองปราบปรามจึงอยากแจ้งเตือนประชาชน

  •  หากพบเจอลิงค์แจก Gift Voucher ที่มีมูลค่าสูงเกินจริง ให้ดูแหล่งที่มาว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ หากไม่น่าเชื่อถือ ไม่ควรกดเข้าไปดู
  •  เปิดเผยข้อมูลใน Social Network เท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปแอบอ้างใช้ทำธุรกรรม
  • กรณีได้รับการติดต่อให้แจ้งโอนเงิน ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม หากไม่มั่นใจ ควรโทรตรวจสอบกับธนาคารนั้น ๆ หรือ ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสมอ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถโทร.สอบถามข้อมูลและปรึกษาปัญหาซื้อขายออนไลน์ เว็บไซต์ผิดกฎหมาย ได้ที่ สายด่วน 1212 กรมศุลกากร โทร. 1164 ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213

ขอบคุณข้อมูลจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

AIS คว้ารางวัลที่หนึ่ง โฆษณาบนยูทูปที่คนไทยชอบมากที่สุดปี 2019

นางศิวลี บูรณสงคราม หัวหน้าแผนกงานบริหารแบรนด์ เอไอเอส เปิดเผยว่า ภาพยนตร์โฆษณา “อุ่นใจ WITH YOU” ของ เอไอเอส สามารถคว้ารางวัลอันดับ 1 จากการจัดอันดับโฆษณาที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุดประจำปี 2019 บน YouTube (YouTube Ads Leaderboard 2019) ตอกย้ำแบรนด์ที่เข้าใจและสื่อสารได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันหลังจากเคยสร้างปรากฏการณ์โฆษณาที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุดบนแพลตฟอร์มวิดีโอชั้นนำระดับโลก YouTube มาแล้วถึง 2 ครั้ง ด้วยแคมเปญ AISxLISA สำหรับการจัดอันดับในครึ่งแรกของปี 2019 และ บุพเพสันนิวาสตอนพิเศษ สำหรับการจัดอันดับในปี 2018

“สำหรับแคมเปญ “อุ่นใจ WITH YOU” ตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นพัฒนาสินค้า และบริการ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าทุกเจเนอเรชัน โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ออกสู่สาธารณชนเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ดำเนินเรื่องผ่านเพลงพิเศษ ซึ่งมี“ทอม อิศรา” เป็นพรีเซนเตอร์มาร่วมถ่ายทอดความไพเราะ และความมุ่งมั่นของเอไอเอส พร้อมเผย “น้องอุ่นใจ” ลุคใหม่ที่ปรับภาพลักษณ์ให้น่ารัก เป็นมิตร และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนไทยทุกวัยมากยิ่งขึ้น โดยโฆษณาดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม จนมียอดรับชมสูงถึง 56 ล้านครั้ง

สำหรับรางวัล YouTube Ads Leaderboard 2019 ใช้เกณฑ์การพิจารณาผลงานโฆษณาจากความนิยมและความชื่นชอบของผู้ชม

เงาหุ้น : ลงทุนหุ้นเมกะเทรนด์

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ส.ค.63 ปิดที่ 1,346.69 จุด เพิ่มขึ้น 9.85 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 77,812.76 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 506.80 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 91.50 บาท บวก 6.25 บาท, AOT ปิด 56.25 บาท บวก 3 บาท, BBL ปิด 109.50 บาท บวก 5.50 บาท, KCE ปิด 30 บาท บวก 2 บาท และ STGT ปิด 78.25 บาท ลบ 7.50 บาท

มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว ดันดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น
ต่างประเทศ หลังคาดหวังการผลิตวัคซีนโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

“ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์” หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ เผยว่า ปีนี้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนไม่ดีนัก ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน หุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบราว 16% เป็นผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 63 จะติดลบ 6.4% ถือว่าติดลบมากที่สุดนับแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ คาดว่า บริษัทจดทะเบียนไทยไตรมาส 2 จะมีกำไรรวม 99,759 ล้านบาท ลดลง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากดูผลประกอบการ บริษัทที่อยู่ในกลุ่มเมกะเทรนด์ของโลก เช่น กลุ่มอีคอมเมิร์ซ กลับเติบโตสวนทาง คาดกำไรจะโต 11% นอกจากนี้ บริษัทที่อยู่ในกลุ่มดิจิทัลเฮลธ์แคร์หนึ่งในหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ก็เติบโตได้ดีไม่แพ้กัน

ดังนั้นจึงแนะให้นักลงทุนเลือกกองทุนหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์มาเป็นสัดส่วนหลักของการจัดพอร์ตลงทุน แทนการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นไทย และแทนการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์รายประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลง และยังเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระดับสูง ตามศักยภาพการเติบโตของหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ที่จะโตต่อเนื่องไปอีก 5-10 ปี โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องปรับพอร์ตบ่อยครั้ง

ปิดท้ายว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นไทยจะปรับลงมามากแล้ว แต่ทิสโก้เวลธ์ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน เพราะปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อาจทำให้เศรษฐกิจไทยใช้เวลานานในการฟื้นตัว โดยเฉพาะไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวสูง ดังนั้น การลงทุนในหุ้นเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตที่ดี น่าจะเป็นทางเลือกเดียวที่จะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจในยามเศรษฐกิจขาลง!!


ที่มา คอลัมน์ เงาหุ้น โดย อินเด็กซ์ 51 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ