Home Blog Page 17

ชวนเด็กไทยติวสดออนไลน์ 10 วิชา กับ“สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 25

หลังเดินสายติวสดภูมิภาคไปแล้ว “สหพัฒน์” ยังเดินหน้าจัดเต็ม ส่ง 3 ไอดอลชื่อดังขวัญใจวัยทีน ลูกกอล์ฟ-พิกะพลอย-ทีมหุ่นยนต์กู้ภัย มจพ. ร่วมกิจกรรมติวสดออนไลน์ 3-8 ตุลาคม 2565 นี้ ในโครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 25 พร้อมเชิญโรงเรียนทั่วประเทศเป็นจุดรับสัญญาณติว เพื่อร่วมกันอยู่เคียงข้างนักเรียนไทยให้เตรียมพร้อมก่อนลงสนามสอบจริง

ชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)

นางชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงโครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” โครงการจัดทบทวนความรู้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายให้นักเรียนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จัดโดยบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) โดยผลิตภัณฑ์ มาม่า บิสชิน มองต์เฟลอ ริชเชส และมูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา ว่า หลังจบการติวระดับภูมิภาค 5 วิชา 5 ภูมิภาค ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากน้องๆ ทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ โดยกิจกรรมต่อไปคือการติวสดออนไลน์ 10 วิชา 6 วันติดต่อกัน เพื่อเตรียมความพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนลงสนามสอบแข่งขันจริงซึ่งจะเริ่มสอบกันตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 นี้

ติวสดออนไลน์ “DEK66 NEW GAME ติวติดอาวุธพร้อมรบสุดสนามสอบ” จะจัดขึ้น 6 วันติดต่อกัน ในช่วงวันที่ 3-8 ตุลาคม 2565 นี้ ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. เพื่อติดอาวุธให้เด็กไทยมีความเตรียมพร้อมท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของระบบการสอบคัดเลือก ด้วยเนื้อหาเข้มข้น เน้นประเด็นสำคัญเพื่อรับมือกับการสอบที่เปลี่ยนไป มีการถ่ายทอดสดสัญญาณแบบ Live Streaming Class ผ่านระบบ Interactive Video Platform บนเว็บไซต์ www.sahapatadmission.com ที่ผู้สอนและผู้เรียนสามารถถาม-ตอบกันได้ผ่านทาง Live Chat พร้อมส่งสัญญาณติวสดออนไลน์ไปยังโรงเรียนทั่วประเทศที่สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยจัดติว 10 วิชาหลัก ได้แก่

1 ภาษาไทย (A-Level) วันที่ 3 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-12.00 น. โดยพี่ยู (อ.สุรเชษฐ์ พิชิตพงศ์เผ่า) We by The Brain / ครูพี่เกศ (อ.เกศจิรา บุญตระกูล)

2 สังคมศาสตร์ (A-Level) วันที่ 6 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-12.00 น. โดยครูพี่วิน เตรียมโดม (อ.นาวิน แซ่โค้ว) / ครูพี่หมอโอ๋ (อ.ดรัณ รักอาชีพ) SociThai

3 ภาษาอังกฤษ (A-Level) วันที่ 4 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-12.00 น. โดยครูพี่หนู (อ.กฤติกา ปาลกะวงศ์)

4 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (A-Level) วันที่ 6 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00-16.00 น. โดยครูติ่ง (อ.กรกฤช ศรีวิชัย) KRU CLUB / พี่เฟรนด์ (อ.ภัทรพล ไพศาลภาณุมาศ) OnDemand

5 คณิตศาสตร์ประยุกต์ (A-Level) วันที่ 5 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-11.00 น. โดยพี่ปั้น (อ.ปวรุตม์ ธีรบุษยเวศย์) SmartMathPro / เวลา 11.00-12.00 น. พี่เอ๋ (อ.วิเศษ กี่สุขพันธ์) We by The Brain / เวลา 13.00-14.00 น. พี่กอล์ฟ (อ.ชวลิต กุลกีรติการ) We by The Brain และพี่ภูมิ (อ.สิทธิเดช เลนุกูล) We by The Brain / เวลา 14.00-16.00 น. พี่แท็ป (อ.ภาคภูมิ อร่ามวารีกุล) ALevel by OnDemand

6 TGAT 1 การสื่อสารภาษาอังกฤษ วันที่ 3 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00-16.00 น. โดยครูเลดี้เก๋เก๋ (อ.สุวคนธ์ อินป้อง)

7 TGAT 2 การคิดอย่างมีเหตุผล วันที่ 4 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00-16.00 น. โดยครูพี่เกศ (อ.เกศจิรา บุญตระกูล) / ครูพี่เจต (อ.เจษฎา สุขุมามาศ) Megastudy

8 ฟิสิกส์ (A-Level) วันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-12.00 น. โดยพี่เต้ย (ดร.ไพฑูรย์ คงเสรีภาพ) OnDemand / พี่เกรท (อ.สรณภพ เทวปฏิคม) OnDemand และในเวลา 13.00-16.00 น. พี่ฟาร์ม (อ.ปิยะวัฒน์ วิรัชวัฒนกุล) PhysicsFarm จะติวฟิสิกส์ A-Level พร้อมแนะแนว TPAT 3 ความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์

9 เคมี (A-Level) วันที่ 8 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-12.00 น. โดยพี่เคน (อ.เคน อรรถเวชกุล) OnDemand

10 ชีววิทยา (A-Level) วันที่ 8 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00-16.00 น. โดยพี่วิเวียน (อ.นพ.วีรวัช เอนกจำนงค์พร) OnDemand / พี่บิ๊ก (ดร.ณัฐชัย เก่งพิพัฒน์) We by The Brain

นอกจากการติวสดแล้ว สหพัฒน์แอดมิชชั่น ยังมีกิจกรรมเสริมในวันที่ 3, 5 และ 7 ตุลาคม ช่วงเวลา 12.30-13.00 น. ด้วยการเชิญไอดอลชื่อดัง ขวัญใจวัยรุ่น มาร่วมพูดคุยและให้กำลังใจแก่น้องๆ ในช่วง Meet the Idol โดยวันที่ 3 ตุลาคม พบกับ พี่ลูกกอล์ฟ (อ.คณาธิป สุนทรรักษ์) เจ้าของสถาบันกวดวิชาภาษาอังกฤษ ANGKRIZ ผู้เต็มไปด้วยความสามารถด้านงานบันเทิง ที่จะมาชวนน้อง ๆ พูดคุยถึงเทคนิคค้นหาความฝัน เคล็ดลับสู่เส้นทางอาชีพด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ / วันที่ 5 ตุลาคม พบกับ พิกะพลอย (พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร น้องสาวของพิม-พิมประภา ตั้งประภาพร นักแสดงสาวทางช่อง 7 เอชดี) พลอยเป็นนักแสดงอิสระ ยูทูปเบอร์ เจ้าของเพจ และไอจี pikaploy ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน เธอเป็นไอดอลและเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ / วันที่ 7 ตุลาคม พบกับทีมหุ่นยนต์กู้ภัย iRAP Robot นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่สามารถคว้า 3 รางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยโลก และก่อนหน้านี้ยังเคยได้รางวัลจากเวทีระดับโลกมาแล้วหลายเวที ได้มีโอกาสเรียนรู้เพื่อสร้างประสบการณ์จากผู้แข่งขันที่มาจากประเทศใหญ่ ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสุดล้ำในอันดับต้น ๆ ของโลกมาแล้วหลายทีม อาทิ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ออสเตรีย เป็นต้น

นอกจากนี้ สหพัฒน์แอดมิชชั่น ยังมีกิจกรรม Q&A Live by Tutor คำถามไขข้อข้องใจ ถามมาตอบไปโดยพี่ติวเตอร์ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง FB: Sahapat Admission

สำหรับน้อง ๆ นักเรียนและโรงเรียนที่สนใจร่วมโครงการติวฟรีของสหพัฒน์แอดมิชชั่น สามารถสมัครได้ที่ www.sahapatadmission.com และติดตามข่าวสารข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ทาง FB : Sahapat Admission หรือ โทร. 064-163-3449, 085-869-6252

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ปิดดีล วัตสัน พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 3 ปักหมุดที่อยุธยา

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ในเครือเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย หรือ FPT ตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอาเซียน ปิดดีล “วัตสัน ประเทศไทย” ปักหมุดศูนย์กระจายสินค้าแบบ Built-to-Suit อีกแห่งที่วังน้อย พระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ให้บริการแก่ วัตสัน สะสมทะลุ 30,000 ตร.ม. รองรับการขยายสาขาธุรกิจรีเทลและการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ย้ำอยุธยาขึ้นแท่นทำเลยุทธศาสตร์กระจายสินค้าสู่ภาคเหนือและอีสาน เผยมีที่ดิน Land Bank ในอยุธยาพร้อมพัฒนาตอบโจทย์ทุกเซ็กเตอร์อีกกว่า 300 ไร่ มั่นใจเดินหน้ากลยุทธ์ “เราพร้อม – เราต่าง” อย่างต่อเนื่อง

นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FPIT ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอาเซียน ภายใต้เครือบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เปิดเผยว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit แห่งใหม่ กับ วัตสัน ประเทศไทยโดยได้เริ่มการก่อสร้างอาคารบนที่ดินกว่า 20 ไร่ในโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค วังน้อย 2 จ.พระนครศรีอยุธยา ศูนย์กลางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมแห่งภาคกลางของไทย

“นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ FPIT ได้รับความไว้วางใจจากวัตสัน หลังจากที่เคยได้รับความไว้วางใจให้ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้ามาแล้ว 2 แห่ง ที่ โครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางพลี 1 และที่โครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค ขอนแก่น ในฐานะศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคแห่งแรกของภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือ เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจอีกครั้งในการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าให้แก่ วัตสัน และคาดว่าจะพร้อมส่งมอบคลังสินค้าทันสมัย คุณภาพสูงแห่งนี้ในช่วงไตรมาส 2/2566”

ทั้งนี้ เมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ FPIT จะมีพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้าที่ให้บริการแก่วัตสัน รวมทั้ง 3โครงการกว่า 30,000 ตารางเมตร ซึ่งจะสามารถเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจในโลกการค้ายุคดิจิทัลและเชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ในทุกที่ ทุกเวลาตามความต้องการ พร้อมรองรับการขยายสาขาและการดำเนินธุรกิจในรูปแบบอีคอมเมิร์ซ

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความคาดหวังกับประสบการณ์การจัดส่งสินค้าถึงหน้าประตูแบบรวดเร็วทันใจ สะดวกสบาย ศูนย์กระจายสินค้าในทำเลที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นฟันเฟืองสำคัญ ให้ธุรกิจพร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พื้นที่ในโซนวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับเป็นอีกพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการขนส่งและกระจายสินค้าไปยัง พื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ล่าสุด FPIT ยังมีพื้นที่พร้อมพัฒนา (Land Bank) อีกกว่า 300 ไร่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่พร้อมพัฒนาเป็นศูนย์กระจายสินค้าทันสมัยแบบ Built-to-Suit เพื่อตอบโจทย์ความต้องการการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกเซ็กเตอร์

บริษัทจะยังคงต่อยอดความสำเร็จของกลยุทธ์น่านน้ำสีม่วง “เราพร้อม – เราต่าง” ต่อเนื่องตลอดช่วงที่เหลือของปี 2565 และยังคงเดินหน้าลงนามสัญญาพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมใหม่เพิ่มเติมตามเป้าหมายปีนี้ที่ 200,000 ตารางเมตร โดยยังมีลูกค้าในไปป์ไลน์ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ พอร์ตโฟลิโออาคารอุตสาหกรรมของ FPIT มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 3.4 ล้านตารางเมตร ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์เพื่ออุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั่วประเทศไทยกว่า 50 แห่ง ให้บริการพื้นที่อุตสาหกรรมแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) และพัฒนาโครงการแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) เพื่อให้บริการได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ ยังเป็นผู้พัฒนาที่ใส่ใจด้านการออกแบบ การพัฒนาอาคารตามมาตรฐานอาคารอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาตามแนวทางความยั่งยืน

เอพี ไทยแลนด์ ส่งมอบคอนโดมีเนียมพร้อมอยู่โครงการใหม่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่า 3,350 ล้านบาท

กรุงเทพฯ (20 ก.ย. 65) – นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญาการส่งมอบ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” ให้กับลูกค้า ผ่านนวัตกรรมดีไซน์และบริการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาของเมืองที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งวันนี้เอพี ไทยแลนด์ พร้อมเปิดตัวคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการใหม่ล่าสุดกับ RHYTHM เอกมัย เอสเตท (ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท) HIGH-RISE คอนโดมิเนียมร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จโครงการที่ 16 ระหว่างบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) และมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนส์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) มูลค่าโครงการ 3,350 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ

RHYTHM เอกมัย เอสเตท ไฮเอนด์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หนึ่งเดียวบนถนนเอกมัยกับที่สุดของความสมบูรณ์แบบ ทุกมิติ ทุกรายละเอียดสะท้อนถึงสุนทรียศาสตร์ในการอยู่อาศัย พร้อมจัดงาน RHYTHM OF ART & NATURE วันที่ 24-25 กันยายนนี้ สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการอยู่อาศัยที่มีคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พิเศษสำหรับลูกค้าลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า รับส่วนลด On Top มูลค่า 200,000 บาท พร้อมฟรีทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท ลงทะเบียนนัดเข้าชมโครงการทาง https://bit.ly/RHYTHM-Ekkamai-Estate หรือโทร. 1623

AIS คว้ารางวัล Microsoft Thailand Partner of the Year 2022 ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมและโซลูชัน ยกระดับองค์กรไทย

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส  เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เวส เน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือเอไอเอส คว้ารางวัล Microsoft Thailand Partner of the Year Award ประจำปี 2022 ซึ่งนับว่าเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ไมโครซอฟท์ได้มอบให้กับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่สามารถส่งมอบบริการที่เหนือกว่าในด้านนวัตกรรมให้กับลูกค้าโดยอาศัยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์

เอไอเอส และไมโครซอฟท์ ได้ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อร่วมพัฒนาการให้บริการกับภาคธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2015 โดยร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจัทัลในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้าน Cloud, การประมวลผลข้อมูล, การปกป้องความปลอดภัยด้านไซเบอร์, เทคโนโลยี IoT และการใช้โครงข่าย 5G กับ Edge computing ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการสร้างโอกาสใหม่ๆในการทำธุรกิจ ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้จากอัตราการเติบโตของรายได้ในส่วนของโซลูชั่นไมโครซอฟท์ มากกว่า 100% ทั้งนี้ เอไอเอสยังได้ร่วมกับไมโครซอฟท์ในการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเชิงลึกให้กับทีมงานของเอไอเอส เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการให้กับลูกค้าองค์กรได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย AIS นับว่าเป็นพันธมิตรรายแรกในประเทศไทยที่ได้การรับรองความเชี่ยวชาญในด้าน Azure Advanced Specialized ตอกย้ำความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชั่น Azure ที่มีความบซ้อนเฉพาะทาง ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การสร้างระบบ รวมถึงการดูแลระบบไอทีของลูกค้า ซึ่งนอกจากการพัฒนาทักษะให้กับทีมงานของเอไอเอสแล้ว เรายังได้ร่วมกับไมโครซอฟท์เพื่อต่อยอดศักยภาพให้กับองค์กรไทยในทุกระดับ เพื่อให้องค์กรธุรกิจพร้อมรับมือทุกโอกาส ความท้าทาย และการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยให้มีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้

การผนวกเทคโนโลยีและบริการระดับโลกจากไมโครซอฟท์ เข้ากับศักยภาพด้านโครงข่ายและบริการดิจิทัลของเอไอเอส ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และก่อให้เกิดการพัฒนาบริการใหม่ๆออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่า 12 โซลูชั่นในปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้านไอที รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ในหลากหลาย ตัวอย่างความสำเร็จหนึ่งคือ การที่เอไอเอสได้เข้าไปช่วยย้ายระบบไอทีของธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของประเทศไทย จากระบบ On-premise ขึ้นคลาวด์ Microsoft Azure โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเอไอเอสได้เข้าไปตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบระบบร่วมกันกับทางลูกค้า จนถึงการย้ายระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านไอทีและตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจ ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดคือ การช่วยลดต้นทุนด้านไอทีขององค์กรลงได้มากกว่า 20% อีกทั้งยังช่วยเพิ่มในเรื่องของความปลอดภัยและการส่งมอบ Applications ตอบโจทย์การเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทย

ด้าน Nick Parker corporate vice president of Global Partner Solutions ของ Microsoft กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะ ในรางวัล  Microsoft Partner of the Year Awards 2022พันธมิตรเหล่านี้มีความโดดเด่นเหนือบรรดาผู้เข้าชิงจำนวนมาก เราขอแสดงความประทับใจในนวัตกรรมของพวกเขาที่ใช้เทคโนโลยี Microsoft Cloud ในการดูแลลูกค้า”

รางวัล Microsoft Partner of the Year Awards จะมอบให้กับพันธมิตรของ Microsoft ที่ได้พัฒนา และ นำเสนอแอปพลิเคชัน บริการ และ เครื่องมือที่อยู่บนพื้นฐานของ Microsoft อย่างสร้างสรรค์ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งรางวัลต่าง ๆ ถูกจำแนกตามสาขาอย่างหลากหลาย โดยผู้ที่ได้รับรางวัลจะถูกคัดเลือกมาจากการเสนอชื่อเข้าชิงเป็นจำนวนกว่า 3,900 ราย จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

สำหรับรางวัลนี้ได้ถูกประกาศในทุกปีก่อนการประชุมพันธมิตรระดับโลกของบริษัท ในชื่อ Microsoft Inspire ซึ่งในปีนี้กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 19-20 กรกฎาคม สำหรับรายละเอียดของรางวัลรวมถึงการประกาศผู้ชนะสามารถชมได้ทาง https://partner.microsoft.com/en-us/inspire/awards

AIS ผนึก 116 เครือข่ายทั่วโลก สยายปีก “5G โรมมิ่ง” ครอบคลุม 66 ประเทศ มากสุดเป็นอันดับ 1 ในโลก

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS  เปิดเผยว่า AIS ร่วมกับพันธมิตร 116 ผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำทั่วโลก พร้อมให้บริการ “5G โรมมิ่ง” ที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน 66 ประเทศทุกทวีปทั่วโลก ทำให้ AIS เป็นผู้ให้บริการที่มีโครงข่ายสัญญาณดีที่สุดและครอบคลุมประเทศต่างๆ ได้มากเป็นอันดับ 1 ในโลก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและคนไทยที่ต้องการเดินทางต่างประเทศ สามารถสื่อสาร เล่นโซเชียลได้ไม่สะดุด อุ่นใจ ปลอดภัยในทุกทริป การเดินทางวิถีใหม่

สำหรับบริการ “AIS 5G โรมมิ่ง” เป็นการยกระดับบริการโรมมิ่งให้ก้าวไปอีกขั้น ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์และความเร็วแรงระดับ 5G ได้ขณะเดินทาง ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว นักเดินทาง และกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ รวมถึงวันนี้ลูกค้ายังสามารถใช้บริการ VoLTE โรมมิ่ง เพื่อโทรออกหรือรับสายด้วยเสียง (Voice) บนเครือข่าย 4G ในต่างประเทศ ซึ่งให้คุณภาพเสียงคมชัดยิ่งขึ้นระดับ Full HD อีกด้วย

ลูกค้าสามารถใช้งาน 5G โรมมิ่งได้ทันที เพียงสมัครแพ็กเสริมเน็ตต่างประเทศสุดคุ้ม เช่น แพ็ก Ready2Fly สมัครผ่านแอป myAIS โดยไม่ต้องเปลี่ยนซิม หรือเปิดใช้ SIM2Fly โดยสามารถเลือก Asia & Australia 399 บาท 10 วัน หรือ Global 899 บาท 15 วัน

“ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ AIS เรายังทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเทคโนโลยีโครงข่ายให้มีความพร้อมต่อการเชื่อมต่อกับทุกการเติบโตในอนาคต รวมถึงการทำความเข้าใจสถานการณ์ตลาด เข้าใจอินไซต์พฤติกรรมไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีความหลากหลายซับซ้อน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่มในฐานะผู้นำตลาด เราคาดหวังว่าบริการ 5G โรมมิ่ง จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและอำนวยความสะดวกการเดินทางต่างประเทศในช่วงเวลานี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณภาพโครงข่ายสัญญาณผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ทำให้ AIS เป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่สามารถเปิดบริการ 5G โรมมิ่ง ครอบคลุมประเทศต่างๆ ได้มากเป็นอันดับ 1 ของโลกในขณะนี้” นายปรัธนา กล่าว

Chester’s ขยายความอร่อย 5 สาขาใหม่ พร้อมเปิดตัว ‘Snow Onion” ไก่ทอดกรอบซอสหัวหอม เอาใจสาวกโคเรีย

Chester’s เอาใจสายกินและขาช็อปเดินห้าง ขยาย 5 สาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสิร์ฟความอร่อยแก่ลูกค้ามากขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด พร้อมเสิร์ฟเมนูใหม่ล่าสุด “Snow Onion” (สโนว์ออเนียน) ด้วยไก่ทอดกรอบๆ เนื้อเน้นๆ ราดด้วยซอสหัวหอมสุดเข้มข้นสไตล์เกาหลี และ “ซุปสไปซี่ไก่ย่าง” น้ำซุปรสแซ่บ กับเนื้อไก่ย่าง สูตร Signature ของเชสเตอร์ เสิร์ฟร้อนๆให้อร่อยเด็ดแซ่บซี้ดถึงใจ

บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด ธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในเครือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ภายใต้แบรนด์ Chester’s (เชสเตอร์) เอาใจสายกินและสายช็อป ขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งความอร่อยแก่ลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ได้แก่ โลตัสติวานนท์ โลตัสบางพลี โลตัสบางกรวย-ไทรน้อย โลตัสสุขาภิบาล 1 และเซ็นทรัลขอนแก่น พร้อมทั้งเปิดตัวเมนูใหม่ “Snow Onion” (สโนว์ออเนียน) ด้วยไก่ทอดกรอบๆ เนื้อเน้นๆ ราดด้วยซอสหัวหอมสุดเข้มข้นสไตล์โคเรีย โรยด้วยหัวหอมสไลด์บางๆ และมีมะนาวให้ลูกค้าสามารถบีบเพิ่ม เพื่อรสชาติที่หอมอร่อย สุดกลมกล่อมยิ่งขึ้น รับรองความอร่อยเหมือนบินไปกินที่เกาหลี พิเศษ 5 ชิ้นเพียง 125 บาท เท่านั้น!!

นอกจากนี้ เชสเตอร์ ยังจัดเต็มชุดอร่อยสุดคุ้มมาให้สายเกาได้ฟินขึ้นไปอีก ได้แก่ ชุดสโนว์ออเนียน 1 เพียง 159 บาท (จากปกติ 208 บาท) มาพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ขนาดปกติ และเป๊ปซี่ 16 ออนซ์ 1 แก้ว หรือชุดสโนว์ออเนียน 2 เพียง 249 บาท (จากปกติ 349 บาท) รับประทานคู่กับข้าวไก่เผ็ดเชสเตอร์ พร้อมเฟรนช์ฟรายส์ขนาดปกติ และเป๊ปซี่ 16 ออนซ์อีก 2 แก้ว อิ่มแบบจุกๆ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 ราคานี้เฉพาะทานที่ร้านและนำกลับเท่านั้น

ส่วนสายแซ่บพลาดไม่ได้ กับเมนู “ซุปสไปซี่ไก่ย่าง” ด้วยน้ำซุปรสแซ่บ กับเนื้อไก่ย่าง สูตร Signature ของเชสเตอร์ เสิร์ฟร้อนๆ รับประทานคู่กับเมนูข้าวหรือไก่ย่างสูตรเผ็ด รับรองว่าดับเบิ้ลความแซ่บและความอร่อยไปเต็มๆ พร้อมโปรสุดปัง! แลกซื้อในราคาพิเศษเพียง 29 บาท (จากปกติ 35 บาท) เมื่อซื้อเมนูใดก็ได้ที่ร้านเชสเตอร์ …ราคาดีแบบนี้ รีบไปลิ้มลองความอร่อยที่ร้านเชสเตอร์เท่านั้น และลูกค้ายังคงสามารถติดตามเมนูใหม่และโปรโมชั่นดีๆ อีกมากมาย ได้ทางเว็บไซต์ www.chesters.co.th หรือโทร.1145 รวมทั้งบริการจัดส่งฟรี เมื่อสั่ง 200 บาทขึ้นไป หรือจะแอดไลน์เป็นเพื่อนกับ เชสเตอร์ ได้ที่ @chestersthai เพื่อรับสิทธิพิเศษดีๆ ก่อนใคร

ร้านเชสเตอร์ ยังคงเข้มงวดในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข สำหรับการให้บริการในร้าน โดยขอความร่วมมือจากลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้าน และการเว้นระยะในระหว่างเข้าแถวสั่งอาหาร พร้อมเพิ่มช่องทางการชำระเงินแบบไร้สัมผัส True Money Wallet ส่วนพนักงานได้รับวัคซีนครบโด๊ส มีการตรวจ ATK และทำความสะอาดร้านด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการ สะอาด ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค

โออาร์ เปิดบริการ “ปิ่นโตปั๊ม” บริการสั่งอาหารล่วงหน้า พร้อมเดลิเวอรีหรือรับที่ร้าน ในพีทีที สเตชั่น

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นายสมยศ คงประเวช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) และนางสาวราชสุดา รังสิยากูล ผู้อำนวยการโครงการ Orion โออาร์ พร้อมด้วย นายรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวคิว (ประเทศไทย) จำกัด และนางสาวดาริน สุทธพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินดี้ ดิช จำกัด ร่วมเปิดตัวบริการ “ปิ่นโตปั๊ม” บริการสั่งอาหารล่วงหน้าจากร้านค้าภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในรูปแบบคลาวด์ คิทเช่น ที่เลือกสั่งสินค้าได้จากหลายร้านค้าในออร์เดอร์เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคทั้งบริการเดลิเวอรี และรับเองหน้าร้าน โดยสามารถสั่งอาหารได้ทั้งช่องทาง Line @pintopump หรือสั่งผ่านแอปพลิเคชัน QueQ เปิดบริการนำร่อง 5 สาขาในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

นายสมยศ เปิดเผยว่า ภายใต้ความเป็น Living Community พีทีที สเตชั่น ต้องการพัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องไปกับการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่ต้องการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า มีความสะดวกรวดเร็วในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงเกิดเป็นบริการ ปิ่นโตปั๊ม ที่จะเข้ามาช่วยตอบสนองผู้บริโภคได้มากกว่าการเป็นสถานีบริการน้ำมัน แต่ พีทีที สเตชั่น ยังเป็นสถานที่สร้างความสุขความอิ่มท้องให้กับลูกค้าทุกคน หากหิวเมื่อไหร่ สั่งอาหารได้ที่ “ปิ่นโตปั๊ม” ด้วยตัวเลือกร้านค้าที่หลากหลายรวมอยู่ในจุดเดียว ที่เลือกสั่งได้ทั้งใน Line ปิ่นโตปั๊ม (Line @pintopump) หรือ แอปพลิเคชัน QueQ ซึ่งมีทั้งรูปแบบบริการ Self – Pickup หรือรับเองที่หน้าร้าน ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่มาแวะเติมน้ำมัน แต่ไม่อยากรอคิวในการสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่ม โดยสามารถกดสั่งอาหารล่วงหน้าก่อนได้ และเมื่อเติมน้ำมันเสร็จค่อยแวะรับอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้ เป็นบริการที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน เข้ากับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ หรือสามารถเลือกใช้บริการแบบ Delivery ส่งถึงที่ไม่ต้องเดินทาง

นอกจากมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุดแล้ว โออาร์ ยังพร้อมเติบโตไปด้วยกันกับพันธมิตรผ่านการดำเนินธุรกิจ โดยการสนับสนุนกันและกันผ่านการใช้ Asset ของโออาร์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านพื้นที่ การบริหารงาน ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด การขยายฐานลูกค้า และการต่อยอดความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อเติมเต็มธุรกิจของร้านค้าพันธมิตร ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง โดยการเพิ่มช่องทางการซื้อขายที่มากขึ้นผ่านบริการปิ่นโตปั๊ม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าและบริการ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้กับร้านค้าพันธมิตรได้อีกหนึ่งช่องทาง

บริการปิ่นโตปั๊ม สาขานำร่อง 5 สาขา ได้แก่ พีทีที สเตชั่น สาขา แยกประชาอุทิศ – ลาดพร้าว, สถานีบริการพีทีที สเตชั่น สาขาราชพฤกษ์ 1, สถานีบริการพีทีที สเตชั่น สาขาพุทธมณฑลสาย 4 , สถานีบริการพีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี และ สถานีบริการพีทีที สเตชั่น สาขาพระราม 2 (ขาออก)

พร้อมเติมเต็มความอิ่มท้องกับ 12 ร้านค้าชื่อดัง ได้แก่ Café Amazon, Texas Chicken, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ, Black Canyon, เย็นตาโฟมัลลิการ์, หมูหม้อเทพ, ไจแอ้น, กล้วยทอดอัมพวา, Hokkaido, เฮียวัตรปังตอ, ดิเอ็มไพร์, ONO, Sweet Buns และ Gyuma ที่รวบรวมความอร่อยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสั่งอาหารจากร้านอาหารต่าง ๆ ในออร์เดอร์เดียว พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ !! รับส่วนลดทันที 40 บาท เมื่อสั่งครบ 160 บาท สำหรับผู้ใช้งานครั้งแรก (จำกัดจำนวน 16,000 สิทธิ์) ตั้งแต่ที่ 17 มิถุนายน 2565 – 30 กันยายน 2565 ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ทั้ง 5 สาขา ที่ร่วมรายการ รายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1365 Contact Center

สหพัฒน์ ตั้งจุดคัดแยกขวดพลาสติก ส่งผลิตชุดPPE

นางชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจที่บริษัทฯ ทำควบคู่กับการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด คือ การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมาได้มุ่งสร้างจิตสำนึกในด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงานในองค์กร และชุมชนภายนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง สำหรับ SPC Green Please นับเป็นโครงการด้านสิ่งแวดล้อมล่าสุดที่บริษัทฯ ได้จัดขึ้น เพื่อรณรงค์ให้พนักงานร่วมกันลดปริมาณขยะโดยนำขวดพลาสติกหรือพลาสติกใช้ครั้งเดียว มาทิ้งที่ตู้ทิ้งขวดพลาสติกที่ตั้งอยู่ภายในบริษัทฯ โดยจะมีการแยกส่วนขวด ฝา และฉลาก เพื่อรวบรวมส่งมอบให้กับโครงการ แยกขวด ช่วยหมอ และ YOUเทิร์น ของปตท. นำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล ผลิตเป็นชุด PPE แบบใช้ซ้ำได้ เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ขาดแคลน

ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการ SPC Green Pleaseบริษัทฯ สามารถรวบรวมขวดพลาสติกส่งมอบให้กับโครงการ แยกขวด ช่วยหมอ และ YOUเทิร์น ได้ถึง 169 กิโลกรัม สามารถนำไปผลิตชุด PPE ได้ 550 ชุด โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตและการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ

“การจัดโครงการ SPC Green Please นอกจากจะได้ชุด PPE ไปเป็นเสื้อเกราะปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้ออื่นๆ แล้ว เรายังคาดหวังให้โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้พนักงานเกิดความเคยชินในการคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีต่อยอด ขยายผล เพิ่มพื้นที่ และขยายเวลาการจัดโครงการนี้ต่อไป เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่กระแส แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน” นางชัยลดา กล่าว

FARMFACTORY ปรับโฉมใหม่ เจาะกลุ่มคนทำงานสายสุขภาพ ย่านสุขุมวิท

ฟาร์มแฟคทอรี (FARMFACTORY) ธุรกิจสลัดและเครื่องดื่ม ในเครือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ปรับโฉมร้านใหม่ สาขาศูนย์การค้า ดิ เอ็ม ควอเทียร์ (The EmQuartier) ย่านสุขุมวิท เสิร์ฟวัตถุดิบสด สะอาด ปลอดภัย ระดับพรีเมียม ส่งตรงจากฟาร์มถึงมือผู้บริโภคทุกวัน รับประทานคู่กับน้ำสลัดสูตรเฉพาะของร้านที่รังสรรค์เป็นพิเศษเพื่อคนรักสุขภาพ พร้อมทั้งเครื่องดื่มผักผลไม้สกัดเย็นหลากหลายเมนู ในราคาที่เข้าถึงได้ 

นายสุจิตต์ เดชคง ผู้จัดการทั่วไปร้านฟาร์มแฟคทอรี กล่าวว่า ร้านฟาร์มแฟคทอรี เปิดมาประมาณ 4 ปี จากแนวคิดที่อยากให้คนไทยมีสุขภาพดีจากการได้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่สด ใหม่ สะอาด รสชาติ และอร่อย สอดคล้องกับเทรนด์ปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมานิยมอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ภายใต้แนวคิด 3 ส “สด สะอาด สะดวก” สำหรับวัตถุดิบหลักคือ ผักสดปลอดภัยส่งตรงจากฟาร์มถึงร้านทุกวัน นำมาผ่านกระบวนการทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน เพื่อคงความสดจนถึงมือผู้บริโภค ส่วนเนื้อสัตว์ ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพได้มาตรฐานและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จากซีพีเอฟ การันตีคุณประโยชน์ทุกคำได้ลิ้มลอง สำหรับความสะดวกร้านฟาร์มแฟคทอรี ทั้ง 8 สาขา ตั้งอยู่แนวรถไฟฟ้าสถานีต่างๆ และย่านออฟฟิศสำคัญ เช่น สีลม สาทร รวมถึงสาขาล่าสุด ดิ เอ็ม ควอเทียร์ 

“สำหรับเมนูไฮไลท์ของร้าน คือ Special Ceacar เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มรับประทานสลัด เราดีไซน์ให้เป็นเมนูที่ทานได้ง่าย รสชาติอร่อย และเข้าถึงทุกกลุ่มวัย รวมถึงซุปหลากหลายสไตล์ให้เลือก ได้แก่ ซุปเห็ดแชมปิญอง ซุปผักโขม และซุปฟักทอง พร้อมด้วยเครื่องดื่มน้ำผักสกัดเย็น รวม 6 สูตร อาทิ Forever Young, Deep Detox, Super Slim เป็นต้น นอกจากนี้ ความพิเศษของฟาร์มแฟคทอรี คือ น้ำสลัดที่มีมากถึง 13 รสชาติ ผลิตแบบโฮมเมดจากครัวกลางทั้งหมด” นายสุจิตต์ กล่าว 

สำหรับโปรโมชั่นพิเศษรับเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้แก่ Harvest Cobb (Size M) ในราคา 99 บาท (จากปกติ 159 บาท) Green Curry Chicken Steak เพียง 149 บาท (จากราคาปกติ 179 บาท) และ Salmon Steack With Taco Sauce ราคา 199 บาท (จากปกติ 219 บาท) นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญเซตสุดพิเศษ ในราคาสุดคุ้ม 149 บาท ได้แก่ Special Caesar (Size M) หรือ Magic Bowl (Size M) เลือกจับคู่กับเครื่องดื่ม Veggie Mocktail หรือซุปรสชาติต่างๆ ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย. 2564 

“ร้านฟาร์มแฟคทอรี” ให้บริการแล้ว 8 สาขา ได้แก่ สีลมคอมเพล็กซ์, สาทร สแควร์, ออลซีซั่นส์ เพลส, ฟอร์จูนทาวน์, เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ตรอกจันทน์ และโฮมโปร บางนา กม.1 สำหรับสาขาศูนย์การค้า ดิ เอ็ม ควอเทียร์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่ ชั้น B และสามารถสั่งผ่านช่องทางแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่ต่างๆ ได้แก่ Grabfood, foodpanda, LINEMAN Robinhood และ truefood หรือติดตามรายละเอียดพร้อมโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/farmfactoryworld/ Instagram : https://www.instagram.com/farmfactoryworld/ และเว็บไซต์ : www.farmfactory.foodie-delivery.com 

ทั้งนี้ “ร้านฟาร์มแฟคทอรี” ให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พนักงานทุกคนได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และในขณะปฏิบัติงานสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือตลอดเวลา มีเจลแอลกอฮอล์และเว้นระยะห่างสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน รวมทั้งเพิ่มช่องทางการชำระเงินแบบไร้สัมผัส True Money Wallet เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ได้รับประทานอาหารอร่อยคุณภาพปลอดภัยในทุกเมนู

PROSPECT REIT โชว์ฟอร์มไตรมาส 3 รายได้รวม 114.11 ล้านบาท

นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) มีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 114.11 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาท หรือ 3% ปัจจัยบวกจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงถึง 98% อีกทั้ง  การบริหารจัดการที่ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง 1.94% จึงเป็นผลให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5.53 % ทั้งนี้  ตลอดระยะเวลา 9 เดือน สามารถสร้างรายได้รวมจำนวน 332.85 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ ผู้ถือหน่วยประจำไตรมาสนี้ในอัตรา 0.2880 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีกำหนดจ่ายในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ในรอบ 1 ปี ของการจัดตั้ง PROSPECT REIT ได้ประกาศจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยไปแล้วย้อนหลัง 1 ปี รวมอยู่ที่ 1.1363 บาท ต่อหน่วย นับว่าผลตอบแทนปีแรกเติบโตได้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ในหนังสือชี้ชวน  

“ไตรมาส 3 ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ทว่าในฝั่งธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ายังคงได้รับผลกระทบไม่มากนัก ซึ่ง PROSPECT REIT ก็มีผลประกอบการเติบโตขึ้นกว่าไตรมาสก่อน ปัจจัยสำคัญสืบเนื่องจากจุดแข็งของเรา ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่มีความพร้อมสามารถรองรับธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบอย่างโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.23 อันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ อีกทั้งมีการบริการครบวงจร สามารถตอบสนองได้  ทุกความต้องการของผู้เช่า ที่สำคัญเรามีผู้เช่าที่แข็งแกร่ง โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มอาหาร, โลจิสติกส์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีอัตราการต่อสัญญา (Renewal rate) จากผู้เช่ารายเดิมถึง 95%”  

นางสาวอรอนงค์ กล่าวต่อไปว่า “จากอัตราการต่อสัญญาของผู้เช่ารายเดิมที่เพิ่มขึ้น และมีผู้เช่ารายใหม่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของคุณภาพทรัพย์สินที่ PROSPECT REIT เข้าลงทุนในครั้งนี้ ในขณะที่ฝั่งของนักลงทุนเราก็มีการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งในแง่ของตัวทรัพย์สินและผลการดำเนินงานในหลายช่องทางเพื่อให้นักลงทุนได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการดำเนินงานของ PROSPECT REIT จึงสามารถสร้างทั้งรายได้และผลกำไรให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีการจัดตั้งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งครบระยะเวลา 1 ปี เราได้มีการจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 ถึง ไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 0.2805, 0.2808, 0.2870 และ 0.2880 ตามลำดับ รวมจ่าย 4 ครั้งทั้งสิ้น 1.1363 บาท/หน่วย ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการผลตอบแทนปีแรกที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน” 

ด้านความคืบหน้าการเข้าซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมและการเพิ่มทุน ยังคงอยู่ในแผนที่วางไว้ ขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินการ ซึ่งมีทั้งทรัพย์สินที่มาจากบริษัทแม่ ได้แก่  “บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” และที่มาจากผู้พัฒนาโครงการรายอื่น โดยคาดว่าการเพิ่มทุนจะเกิดขึ้นภายในปี 2565 ทั้งนี้ PROSPECT REIT มีเป้าหมายในการขยายมูลค่าสินทรัพย์ที่ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี 

“สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากการประกาศนโยบาย  เปิดประเทศของภาครัฐฯ ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนชาวต่างชาติให้หันมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ตรงจุดนี้ค่อนข้างส่งผลบวกกับ PROSPECT REIT ด้วยทรัพย์สินที่เรามีอยู่ในมือรวมถึงทีมบริหารที่มีความเป็นมืออาชีพ และที่ผ่านมาก็เริ่มมีผู้ลงทุนรายใหม่ทั้งชาวจีนและชาวไทยเองทยอยเดินทางเข้าดูพื้นที่เช่าในโครงการ BFTZ อยู่อย่างต่อเนื่อง นั้นแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศของกิจกรรมทางธุรกิจเริ่มกลับมาแล้วนั้นเอง” นางสาวอรอนงค์ กล่าว