Home Blog Page 12

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าลดขยะขวดพลาสติก รีไซเคิลใช้ผลิตผ้าห่มอัพไซคลิง

เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ยืนความเป็นหนึ่งการตอบแทนสังคม ประกาศนโยบายสนับสนุนการลดปริมาณขยะขวดพลาสติกนำมาผลิตเป็นผ้าห่ม สานต่อในโครงการ “ห่มรัก” ปีที่ 13 มอบผ้าห่มอัพไซคลิง (Upcycling) เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มแก่ผู้ประสบภัยหนาว ผ้าห่มกันหนาว 1 ผืน ผลิตจากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 11 ขวด

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างความสมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด สิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ คงนโยบายและให้ความสำคัญคือการตอบแทนสังคมในด้านต่างๆ เพราะบริษัทฯ เล็งเห็นว่าการที่ธุรกิจจะสามารถดำรงอยู่และเติบโตได้นั้น ก็ต้องพึ่งพาสังคมและทรัพยากรที่มีอยู่บนโลก ธุรกิจที่เติบโตขึ้นจึงมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบและตอบแทนสังคมที่ให้การสนับสนุนทรัพยากรที่ธุรกิจได้ใช้ไป

บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมสานต่อโครงการ “ห่มรัก” ปีที่ 13 มอบผ้าห่มอัพไซคลิงให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยหนาวในหลายจังหวัด เพื่อขานรับนโยบายภาครัฐในการลดปริมาณขยะจากขวดน้ำพลาสติกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ จึงได้ผลิตผ้าห่มขึ้นใหม่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการตระหนักถึงปัญหาด้านขยะและการใช้พลาสติกมากมาย สำหรับผ้าห่มอัพไซคลิงกันหนาวเมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มนั้น นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมามีคุณค่าในการใช้งานอีกครั้งอย่างมีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ผ้าห่มดังกล่าวผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนบ้านวัดจากแดงเศรษฐกิจพอเพียง ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งผ้าห่มกันหนาว 1 ผืน จะผลิตจากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 11 ขวด และบริษัทฯ ยังได้เพิ่มความหนาของผ้าห่มเป็น 280 GSM (Gram Per Square Meter) ทำให้มีความทนทานและมีความหนาเพียงพอที่จะให้ความอุ่นในช่วงเวลาหนาว นอกจากนี้ยังมีผลในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงถึง 0.99 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้ผ้าห่มไม่เพียงแค่อบอุ่นและมีคุณภาพดีต่อผู้ใช้งาน แต่ยังมีผลในการส่งเสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการผลิตผ้าห่มอัพไซคลิง (Upcycling) 1 ผืนเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหญ่ถึง 0.11 ต้น

นโยบายการลดปริมาณขยะด้วยการนำขวดพลาสติกมาผลิตผ้าห่มเป็นมาตรการที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ทั้งในด้านลดปริมาณขยะที่นำมาฝังกลบ การนำขวดพลาสติกมาใช้ในการผลิตผ้าห่มช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องจัดการ การลดความจำเป็นในการผลิตพลาสติกใหม่ ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้มีผลต่อการลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ตลอดจนการนำขวดพลาสติกมาใช้ในการผลิตผ้าห่มสามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในรูปแบบของอุตสาหกรรมการรีไซเคิล และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาในกระบวนการผลิต

“โครงการ ‘ห่มรัก’ ปีที่ 13 นี้เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของเมืองไทยประกันชีวิตที่ร่วมมือกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้มเป็นโอกาสที่เราสามารถสร้างความดีได้ร่วมกันในการตอบแทนสังคม ไม่เพียงแค่ช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังสามารถสร้างความอบอุ่นและเป็นการดูแลช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยหนาวในต่างจังหวัด ทั้งนี้เรายังคงสานต่อโครงการเพื่อสังคมในด้านต่างๆ ทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างให้มั่นคงและยั่งยืน” นายสาระ กล่าวสรุป

TikTok ร่วมสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยและผู้บริโภคกับโครงการ “Easy E-Receipt” กระตุ้นตลาดอีคอมเมิร์ซรับปีมังกรทอง

TikTok Shop โซลูชันอีคอมเมิร์ซครบวงจรบนแพลตฟอร์ม TikTok ร่วมสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยและผู้บริโภคกับโครงการ “Easy E-Receipt” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในตลาดอีคอมเมิร์ซช่วงต้นปี 2567 จัดหมวด “ลดหย่อนภาษี” โดยรวบรวมสินค้าและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ กว่า 200 ร้านค้า อาทิ Central Department Store, Big C, Dyson Thailand, IT City, Supersports Thailand อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าที่ต้องการพร้อมขอรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้สะดวก รวดเร็ว ผ่านหน้า Chat ของร้านค้า ลดภาระการดำเนินการด้านภาษีให้แก่ผู้บริโภคและส่งเสริมการชำระเงินแบบดิจิทัล

ผู้บริโภคที่เลือกซื้อสินค้าผ่านร้านค้าที่ร่วมโครงการบน TikTok Shop ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถนำ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ไปใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท นอกจากนี้ TikTok Shop ยังมีคูปองจัดส่งฟรีมูลค่าสูงสุดถึง 40 บาท มอบความคุ้มค่าเพิ่มเติมให้แก่ผู้ซื้อสินค้าใน TikTok Shop

วิธีการใช้สิทธิ์และรับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt

1.  เมื่อเปิดแพลตฟอร์ม TikTok เข้าไปที่หน้า “Shop Tab” ของ TikTok Shop จากนั้นกดเลือกแท็บ “ลดหย่อนภาษี”  หรือสามารถสังเกตร้านค้าที่มีแท็ก “ลดหย่อนภาษี”

2. เลือกซื้อสินค้าที่ต้องการกับร้านค้าที่ร่วมโครงการ “Easy E-Receipt” และชำระเงินให้เรียบร้อย

3.  จากนั้นไปที่หน้า “คำสั่งซื้อ” และแตะที่ “หน้าสินค้า” จะเห็นไอคอน “ติดต่อผู้ขาย” ผู้ซื้อสามารถแจ้งขอใบกำกับภาษีผ่านช่องทาง “ติดต่อผู้ขาย” ผ่านการแชตโดยตรงกับร้านค้าได้ทันที

4.  ข้อมูลของผู้ซื้อต้องเตรียมไว้สำหรับแจ้งร้านค้าเพื่อออกใบกำกับภาษี ได้แก่

  1. ชื่อ – นามสกุล ผู้เสียภาษีอากร
  2. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
  3. ที่อยู่ของผู้เสียภาษีอากร
  4. อีเมลที่ใช้สำหรับให้ร้านค้าจัดส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์

ข้อมูลเพิ่มเติมของ TikTok Shop ติดตามได้ที่ FacebookInstagram หรือสนใจร่วมเป็นผู้ขายกับ TikTok Shop คลิกที่ https://shop.tiktok.com/merchant/th

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เพิ่มความอุ่นใจแก่ลูกค้าและประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)”

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และนายวีรเดช อัครผลพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เดินหน้าส่งมอบความสุข ความอุ่นใจไปยังลูกค้าและประชาชนทั่วประเทศ ให้ทุกคนได้มีรอยยิ้มในช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2567  พร้อมตอบรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ

นายสาระ กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิตร่วมกับเคาน์เตอร์เซอร์วิส ส่งมอบความห่วงใยให้กับประชาชน รับสิทธิ์ความคุ้มครองฟรี “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” เมื่อมาใช้บริการฝาก-ถอนเงินสด, บริการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร, บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น  ตั้งแต่วันที่  24  ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567  (จำนวนสิทธิ์ 100,000 สิทธิ์) และสำหรับลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถรับความคุ้มครองได้ง่ายๆ เพียงแจ้งความประสงค์ต่อพนักงานเพื่อซื้อกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ที่จุดให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง กว่า 14,500 สาขาทั่วประเทศ หรือใช้แต้ม ALL Member ในการแลกสิทธิ์แทนเงินสด  หรือทำรายการบนเว็บไซต์ www.counterservice.co.th, Counter Service Application รวมถึง 7APP  เบี้ยประกันภัย 10 บาท  พร้อมใช้บัตรประชาชนเพื่อแสดงตัวตน ชำระเงิน รับสลิปยืนยันการทำรายการ ซึ่งจะระบุวันเริ่มต้นคุ้มครองและวันสิ้นสุดความคุ้มครองอย่างชัดเจน โดยสามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 (จำนวนสิทธิ์ 100,000 สิทธิ์)  

สำหรับข้อตกลงความคุ้มครองที่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปจะได้รับ ประกอบด้วย  

1. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรืออุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท

 2. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท

3. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกายค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท

โดยกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน   นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่  15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย  

นายวีรเดช กล่าวว่า ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสมีความยินดีที่ได้พัฒนาบริการที่ดีให้กับประชาชนเสมอมา ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ได้ร่วมส่งมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนคนไทย โดยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงหลักประกัน ในราคาที่จับต้องได้ โดยร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีเสมอมา จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับลูกค้าเคาน์เตอร์เซอร์วิส เมื่อมาใช้บริการฝาก-ถอนเงินสด, บริการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร, บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น รับฟรี! กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ในรูปแบบ QR Code ท้ายใบเสร็จ สำหรับลงทะเบียนผ่านไลน์ Counterservice รับกรมธรรม์คุ้มครองได้ทันที

และสำหรับลูกค้าทั่วไปที่สนใจ สามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้ อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ในราคาคุ้มค่าเพียงในราคา 10 บาท หรือใช้ 1,000 คะแนน ALL member แลกได้ผ่านช่องทางที่สะดวกและครอบคลุม มีจุดบริการเข้าถึงได้ในทุกชุมชนที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และช่องทางออนไลน์ กรอกข้อมูลบนเว็บไซต์ www.counterservice.co.th, Counter Service Application หรือ 7App ให้ประชาชนหมดความกังวล พร้อมเฉลิมฉลองและมีความสุขตลอดการพักผ่อนในเทศกาลปีใหม่นี้

เมืองไทยประกันชีวิต-แมกซ์ โซลูชัน มอบ “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ดูแลสมาชิก Max Card

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ  นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ผนึกกำลังส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม พร้อมความอุ่นใจในช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2567 ให้กับสมาชิก Max Card ทั่วประเทศ ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ เพียงสมาชิก Max Card  ใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน Max Me

นายสาระ กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จัดโครงการนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าคนสำคัญ อีกทั้งยังเป็นการสอดรับกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว และเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อระบบการประกันภัยและประเทศโดยรวมอีกด้วย

นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า แมกซ์ โซลูชัน บริษัทในเครือพีทีจี จับมือ เมืองไทยประกันชีวิต พันธมิตรที่เหนียวแน่นยาวนาน ร่วมมอบของขวัญปีใหม่ให้กับสมาชิก Max Card กว่า 21 ล้านสมาชิก ด้วย “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” เพียงสมาชิก Max Card  ใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน Max Me สมัครง่าย อุ่นใจ คุ้มครองยาวนานถึง 30 วัน  นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย

“ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ แมกซ์ โซลูชัน ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย เมาไม่ขับ รวมถึงไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกเหนือจากการมอบกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว เรายังมีบริการ PT Max Camp ที่แวะพักรถครบวงจรสำหรับสมาชิก Max Card ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT กว่า 80 สาขาทั่วประเทศ เปิดบริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำสะอาด เตียงนอน เครื่องซักอบผ้า จุดชาร์จไฟ ปลั๊กไฟ โทรทัศน์ และจุดนั่งพัก โดยสามารถค้นหาสถานีให้บริการ PT Max Camp ผ่านแอป Max Me แอปสดใหม่ที่ทุกคนต้องมีในทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตอย่างแท้จริง” นายพร้อมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ความคุ้มครอง “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ที่ลูกค้าจะได้รับ ประกอบด้วย  

1. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

2. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท

3. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท

โดยกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน  นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่  15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย  โดยสมาชิก Max Card ที่สนใจสามารถแลกคะแนนได้ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2566 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 (จำนวนสิทธิ์ 5,000 สิทธิ์)

เปิดแล้ว AIS esports STUDIO at AIS SIAM อาณาจักรเกมเมอร์ ล้ำที่สุดในเอเชียตอ.เฉียงใต้

AIS eSports ตอกย้ำภารกิจการทำงานเพื่อผลักดันการเติบโตอุตสาหกรรมอีสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ยืนหนึ่งสู่การเป็น Esports Community Hub No1 in Southeast Asia ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อน Ecosystem ของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตให้สมบูรณ์ ล่าสุดปักหมุดกางอาณาเขตใจกลางเมือง กับ Esports Community Hub ล้ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับ AIS eSports STUDIO at AIS SIAM : The Ultimate Gaming Experience ที่พร้อมมอบประสบการณ์ให้เกมเมอร์ได้สัมผัสขุมพลังการเล่นเกมที่เหนือกว่าได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G และโครงข่ายบรอดแบนด์ไฟเบอร์ความเร็วสูงระดับ 5000/5000 Mbps แห่งแรกแห่งเดียว พร้อมผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำในวงการทั้ง ซีเคร็ทแลป (Secretlab), ซัมซุง (Samsung), ซินเน็ค (SYNNEX), โลกา (LOGA) และ โซนี่ (SONY) ร่วมกันขนทัพสุดยอดเทคโนโลยีเกมมิ่งพีซี คอนโซลและอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมเตรียมจัดเต็มกิจกรรมต่อเนื่อง

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “ความคึกคักของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตสร้างแรงกระเพื่อมให้กับการเติบโตของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นอย่างมาก ทั้งการจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตที่เข้าไปอยู่ในรายการแข่งขันกีฬาระดับโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้จำนวนเกมเมอร์ทั่วโลก เพิ่มขึ้นกว่า 3,381 ล้านคน จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ AIS นำศักยภาพความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลชั้นนำของประเทศ เข้าเชื่อมต่อและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคอมมูนิตี้ของเหล่าเกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตเกม ผู้จัดการแข่งขัน สปอนเซอร์ สโมสร นักกีฬาอีสปอร์ต นักพากย์ ไปจนถึงการสร้างคอมมูนิตี้ฮับด้านอีสปอร์ตเป็นแห่งแรก อย่าง AIS eSports STUDIO สามย่านมิตรทาวน์ในช่วงที่ผ่านมา

จากการทำงานกว่า 4 ปี ที่เราเดินหน้าเติมเต็ม Ecosystem ของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต โดยเริ่มออกเดินทางด้วยบทบาทการเป็นแบรนด์สปอนเซอร์ชิพ สนับสนุนการจัดการแข่งขัน Esports ผ่านการทำงานร่วมกับสมาคมอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย จากนั้นยกระดับสู่การเปิดพื้นที่สร้างอีสปอร์ตคอมมูนิตี้ 24 ชั่วโมงขึ้นแห่งแรกใน Southeast Asia  พร้อมกับสร้าง Esports Tournament (OWN IP) ของตัวเอง จนกระทั่งก้าวสำคัญล่าสุดในฐานะ Promoter หรือผู้จัดการแข่งขัน ที่ขยายศักยภาพ จนได้รับการยอมรับและได้โอกาสทำงานกับผู้ผลิตเกมระดับสากล  โดยตลอดระยะเวลาดังกล่าว เราได้สร้างเวทีแห่งโอกาสในการผลักดัน และ พัฒนาบุคลากรด้านอีสปอร์ตเข้าสู่วงการ ทั้งนักกีฬา นักพากย์ ทั้งระดับภูมิภาค ระดับประเทศ รวมกว่า 100 รายการ พร้อมทั้งสร้างช่องทางในการเข้าถึง รับชมการแข่งขัน Esports รายการสำคัญๆ ดังเช่นล่าสุดกับมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่นักกีฬา Esports ชาวไทยไปแสดงความสามารถ ก็มีคนไทยรับชมผ่านทาง AIS PLAY มากกว่า 1.5 แสนราย  ดังนั้นในครั้งนี้จึงนับเป็นอีกก้าวในการขับเคลื่อนเป้าหมายสู่ Esports Community Hub No1 in Southeast Asia กับการเปิดตัว AIS eSports STUDIO แห่งที่ 2 ใจกลาง Siam Square คอมมูนิตี้ฮับอีสปอร์ตล้ำที่สุด แหล่งรวมสุดยอดประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการทำงานร่วมกับสุดยอดพาร์ทเนอร์ชั้นนำในทุกวงการ”

โดย AIS eSports STUDIO at AIS SIAM ได้ยกขบวนความ The Best มาส่งมอบให้กับเกมเมอร์ภายใต้แนวคิด Ultimate Gaming Experience แบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น

The Best Network สุดยอดประสบการณ์การเล่นเกมบนโครงข่ายดีที่สุดที่แรกที่เดียว ด้วยโครงข่ายบรอดแบนด์ไฟเบอร์ระดับ 5000/5000 Mbps ที่มีความเร็วแรง เสถียร ไม่แลค โชว์ความหน่วงต่ำ (Latency) ที่ระดับ 3 มิลลิวินาที พร้อมสุดยอด AIS 5G และ Wi-Fi 7 ที่ตอบโจทย์ทุกการเล่นเกม เร็ว แรง ไหลลื่น ไม่มีสะดุด

The Best Professional Equipment ดีที่สุดด้วยโซลูชันและสุดยอดเทคโนโลยีเกมมิ่งพีซี คอนโซลและอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น

· ซีเคร็ทแลป ครั้งแรกกับการนำโต๊ะคอมพิวเตอร์และเก้าอี้ที่ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ทั้งวัสดุที่ใช้ ความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับตามสรีระ ให้เกมเมอร์ปล่อยศักยภาพได้อย่างเต็มที่ สัมผัสครบชุดที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

·  คอมพิวเตอร์สเปคเทพที่สุดจาก SYNNEX กับ CPU intel Core i7 Gen 14 รุ่นใหม่ล่าสุดในขณะนี้และ การ์ดจอ GeForce RTX4080 ในทุกการเล่นเกมราบรื่นไม่มีสะดุด

· หน้าจอ Odyssey G7 Series 28” 4K 144Hz จาก Samsung ทำให้เกมเมอร์ได้สัมผัสกับภาพที่มีคมชัดสมจริงมากที่สุดในทุกการเล่นเกม

·  สุดยอด Gaming Gear   เมาส์คุณภาพสูง วัสดุแข็งแรง ที่มีน้ำหนักเบา ดีไซน์คีย์บอร์ด โดยการนำคอนเซ็ปต์ของวัฒนธรรมไทยมาประยุกต์ใช้ และผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงทำให้มีความแข็งแรงคงทนต่อการใช้งาน จาก LOGA แบรนด์อุปกรณ์เกมมิ่งสัญชาติไทยชั้นนำที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจากกลุ่มเกมเมอร์

·    การทำงานร่วมกับผู้พัฒนาเกมชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานการเข้ากลุ่มคนเล่นเกมให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง และตอบสนองความต้องการการเล่นเกมในทุกรูปแบบ

The Best Exclusive Zone ครั้งแรกในไทยกับการเปิดให้บริการเกมคอนโซล PlayStation 5 เกมที่สาวก Play Station รอคอย โดยเรายกความพิเศษมาให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟทั้งเกมจาก SONY ที่มากที่สุดและเกมที่อัพเดทออกใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ยังเป็นโชว์รูมสำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อ PlayStation 5 อีกด้วย

The Best Location กางอาณาจักรใจกลางสยาม โดย AIS eSports STUDIO แห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนตึก AIS SIAM ชั้น 4 สยามสแควร์ ถือเป็นสุดยอดโลเคชั่นที่เป็นแหล่งรวมด้านแฟชั่น อาหาร กิจกรรมอัพเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง 

The Best Lifestyle Community สุดยอดประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เกมเมอร์ ทั้งการเปิดบริการตลอด 24 ชม. อำนวยความสะดวกให้ไม่สะดุด กับอาหารและเครื่องดื่มจาก Nescafe Premium Solution  และ SUN Vending  

รวมถึงยังเตรียมจัดกิจกรรมให้เกมเมอร์ได้เข้าร่วมตลอดทั้งปี ด้วยค่าบริการสุดคุ้ม สำหรับบุคคลธรรมดาชั่วโมงละ 80 บาท และค่าสมาชิกเพียงชั่วโมงละ 60 บาทเท่านั้น

นางสาวรุ่งทิพย์ กล่าวในตอนท้ายว่า “การเปิดตัว AIS eSports STUDIO at AIS SIAM ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างคอมมูนิตี้ที่ครบครันและตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์เท่านั้น เรายังมีความตั้งใจอย่างยิ่งในสนับสนุนการเติบโต และเติมเต็มโอกาสใหม่ๆร่วมกับพาร์ทเนอร์ อาทิ เชื่อมต่อระหว่างประสบการณ์ Online สู่ Offline และ On Ground พร้อมสร้างพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็น Esports Showroom ให้เหล่าสาวกแบรนด์พาร์ทเนอร์ต่างๆ ได้ Try & Buy พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ  ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Ecosystem Economy อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน”

ประเดิมการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เอาใจเหล่าสายเกมเมอร์ให้ใช้งานได้ฟรี 2 ชม.แรก ตั้งแต่วันที่ 23 ถึง 31 ธันวาคม 2566 พบกันได้ที่ AIS SIAM ชั้น 4 สยามสแควร์ ซอย 7 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook AIS Esports https://www.facebook.com/AISeSports

เมืองไทยประกันชีวิต มอบความสุขส่งท้ายปี กับแคมเปญ “MTL Big Thanks” ลุ้นทองทำแท่งหนัก 10 บาท และรางวัลอื่นๆ กว่า 8 แสนบาท

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2566 ถือเป็นปีสำคัญของเมืองไทยประกันชีวิต ในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มแก่คนไทยครบ 72 ปี พร้อมกำหนดทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทฯ  ด้วยการตั้งเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ

โดยในปีนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญสุดพิเศษเพื่อเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าทุกท่านโดยเฉพาะ กับแคมเปญ “MTL Big Thanks…GIVE = GIFT เพราะความสุขคือการให้” มอบสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รางวัลที่ 1 ทองคำแท่งหนัก 10 บาท และรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าร่วมสนุกเพื่อลุ้นรับรางวัลผ่านหลากหลายกิจกรรมที่บริษัทฯ ได้สร้างสรรค์ขึ้น อาทิ การสมัครใช้บริการการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics) ได้สำเร็จ การส่งประเมินความพึงพอใจผ่านการใช้บริการช่องทางต่างๆ ของบริษัทฯ การสมัครรับเอกสารจากบริษัทฯ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมผ่านระบบบริการข้อมูลทางโทรศัพท์อัตโนมัติ โดยลูกค้าที่ใช้บริการในช่องทางต่างๆ ที่บริษัทฯ กำหนด จะได้รับสลากเพื่อนำมาลุ้นรางวัลใหญ่ของเรา ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 จับสลากรางวัลภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ และประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th

ทั้งหมดนี้คือความพิเศษที่เมืองไทยประกันชีวิตสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อมอบให้กับลูกค้าทุกท่านโดยเฉพาะ โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th  หรือคลิก www.muangthai.co.th/th/about-mtl/news-and-update/mtlbigthanks-give-equalto-gift

“เรายังคงเดินหน้าพัฒนาหรือค้นหาผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการให้ได้อย่างตรงจุด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อมาช่วยเสริมการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเรายังมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการประกันชีวิตและสุขภาพ โดยไม่ใช่แค่เข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร แต่เราจะคิดเผื่อไปมากกว่านั้น และสิ่งที่เรานำมามอบให้แก่ลูกค้าไม่ใช่แค่เรื่องของประกัน การเคลม หรือการติดต่อตัวแทนประกันชีวิต แต่เป็นการดูแลลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ที่ถูกออกแบบโดยการคิดเผื่อรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในทุกช่วงชีวิต” นายสาระ กล่าว

“แม็คยีนส์” เปิดตัว Mc PLAY, Year of Dragon คอลเลกชั่นส่งความสุขต้อนรับปีมังกร

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัว  Mc PLAY, Year of Dragon คอลเลกชั่นส่งความสุขต้อนรับปีมังกร ให้คุณได้สนุกกับการแต่งตัวในแบบฉบับของตัวเองไปกับแม็คยีนส์ พบกับมังกรคาแรคเตอร์โทนสีสันสดใส พร้อมนำความสุขมามอบแก่ทุกๆ ท่าน ในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2567 นี้ และเป็นการต่อยอดแคมเปญ “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” กับแนวคิด “Body Positivity” เข้าใจในความแตกต่างของรูปร่าง และสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์จากแม็คยีนส์

คอลเลกชั่น Mc PLAY, Year of Dragon พบกับลวดลายมังกรคาแรคเตอร์โทนสีสันสดใส ที่สื่อถึงความสุข สนุกสนาน แรงบันดาลใจจากประเพณีการเชิดมังกรในช่วงเทศกาลปีใหม่ของจีน (ตรุษจีน) สัญลักษณ์แห่งความโชคดี สินค้าในคอลเลกชั่น พบกับไอเท็มยอดนิยม ที่ให้คุณสนุกไปกับการมิกซ์ แอนด์ แมทช์ ในแบบฉบับของตัวเอง อาทิ เช่น เสื้อยืดแขนสั้นพิมพ์ลายมังกรคาแรคเตอร์ ผลิตจากผ้าคอตตอน 100% เสื้อฮู้ดดี้พิมพ์ลาย สีสันสดใส สวมใส่ง่ายดูดี ลงตัวไปกับทุกทริปและทุกไลฟ์สไตล์ คุณผู้หญิงพบกับไอเท็มน่ารักๆ อย่าง เสื้อครอป และเดรสผ้าคอตตอนพิมพ์ลาย เทคนิคงานพิมพ์ที่ให้สีสันสดใส คมชัด โดดเด่นอย่างมีสไตล์

“Mc PLAY, Year of Dragon คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด จากแม็คยีนส์ ที่พร้อมส่งความสุขต้อนรับปีมังกรให้แก่ทุกท่าน จะมอบให้ตัวเองหรือจะมอบเป็นของขวัญก็ถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับ” นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว

พบกับคอลเลกชั่น Mc PLAY, Year of Dragon ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านแม็คยีนส์ทุกสาขา และเว็บไซต์ www.mcshop.com สามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mcjeans

เปิดรายชื่อหลักทรัพย์ใช้คำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ครึ่งปีแรก พ.ศ. 2567

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 SET50FF* SET100 SET100FF* sSET SETCLMV SETHD SETESG และ SETWB ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 (2 มกราคม – 30 มิถุนายน 2567) โดยดัชนี SET50FF และดัชนี SET100FF จะเริ่มเผยแพร่เป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งดัชนีใหม่ทั้งสองดัชนีใช้รายชื่อหลักทรัพย์ชุดเดียวกับที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ตามลำดับ

• ดัชนี SET50 มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 1 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE)

• ดัชนี SET100 มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 10 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น (MOSHI) บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) บมจ. เอสไอเอสบี (SISB) บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA)

• ดัชนี sSET มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 17 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. บีอีซี เวิลด์ (BEC) บมจ. เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) บมจ. ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) บมจ. จีเอเบิล (GABLE) บมจ. กิฟท์ อินฟินิท (GIFT) บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) (MGC) บมจ. พริมา มารีน (PRM) บมจ. พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป (PRTR) บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) บมจ. สบาย เทคโนโลยี (SABUY) บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) บมจ. พลาสติค และหีบห่อไทย (TPAC) บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บมจ. โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH)

• ดัชนี SETCLMV ไม่มีหลักทรัพย์เข้าใหม่

• ดัชนี SETHD มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 1 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM)

• ดัชนี SETESG มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 19 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. การบินกรุงเทพ (BA) บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) บมจ. บริทาเนีย (BRI) บมจ. ช.การช่าง (CK) บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) บมจ. เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) บมจ. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) บมจ. จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) บมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL) บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) บมจ. แม็คกรุ๊ป (MC) บมจ. นามยง เทอร์มินัล (NYT) บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) บมจ. สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) บมจ. ทุนธนชาต (TCAP) บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) บมจ. ไทยออพติคอล กรุ๊ป (TOG)

• ดัชนี SETWB มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 3 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE)

การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนีดังกล่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการทุกครึ่งปี และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ได้กำหนดไว้ ในส่วนของดัชนี SET50 และ SET100 นั้นใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือกเดียวกัน ซึ่งกำหนดว่า ในการคัดเลือกจะต้องได้จำนวนหลักทรัพย์ที่ผ่านการคัดเลือก เพื่อมาเป็นองค์ประกอบในดัชนี จำนวน 100 หลักทรัพย์ และสำรองอีก 5 หลักทรัพย์ รวมเป็น 105 หลักทรัพย์ โดยหากยังไม่สามารถคัดเลือกหลักทรัพย์ได้ครบตามจำนวนดังกล่าว จะดำเนินการปรับอัตราส่วนด้านสภาพคล่องจนกว่าจะได้หลักทรัพย์ครบ** ทั้งนี้ การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ในครั้งนี้ใช้ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึง 30 พฤศจิกายน 2566

ผู้สนใจสามารถติดตามรายชื่อหลักทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในแต่ละดัชนีข้างต้น รวมทั้งหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อเป็นองค์ประกอบของดัชนีและวิธีการคำนวณดัชนี ได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th

AIS ชูนวัตกรรมยกระดับ “SEA COVERAGE” โชว์ศักยภาพขุมพลัง 5G หนุนท่องเที่ยวและเศรษฐกิจบนพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน

AIS เดินหน้าภารกิจสำคัญ มุ่งพัฒนาและขยายโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ให้มีความครอบคลุมการใช้งานในทุกพื้นที่ ทั้งกว้างสุด ไกลสุด สูงสุด และลึกสุดในไทย ล่าสุดตอกย้ำความเป็นที่ 1 ตัวจริง ประกาศความสำเร็จ SEA COVERAGE บนพื้นที่ 2 ชายฝั่งทะเลไทย ทั้งอ่าวไทย และอันดามัน ชูนวัตกรรมโครงข่ายอัจฉริยะและสุดยอดเทคโนโลยีที่พร้อมให้บริการในทุกรูปแบบ ทั้งความเร็ว แรง และครอบคลุมมากที่สุดรายแรกในไทย ตอบโจทย์การใช้งานทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐ บริการประชาชน สาธารณูปโภค ผู้ประกอบการประมง ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว อาทิ ผู้ให้บริการท่าเรือเฟอร์รี่ เรือยอร์ช เรือสปีดโบ๊ท ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภาคพื้นทะเล หรือ Ocean Economy ในทุกมิติ

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า “ภารกิจสำคัญที่เป็นหัวใจของชาว AIS คือ การส่งมอบบริการที่ต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพสัญญาณและนวัตกรรมที่พร้อมให้เชื่อมต่อได้เสมออย่างไม่มีข้อจำกัด ดังนั้นเราจึงไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนาเครือข่ายให้รองรับความต้องการได้ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ทั้งนี้หมายรวมถึงพื้นที่เดิมที่เคยครอบคลุมอยู่แล้ว ก็ต้องดียิ่งขึ้น จากความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

“สำหรับบริเวณชายหาดทะเลของไทย ที่มีพื้นที่รวมกว่า 3,000 กิโลเมตร ทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามและความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่ติดอันดับโลก นอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศมากถึง 1.21 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำคัญในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจชายฝั่ง จากอุตสาหกรรมประมงทั้งชายฝั่งและประมงน้ำลึก, อุตสาหกรรมพัฒนาที่ดิน, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และบริการที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ การทำงานของภาครัฐในการให้บริการประชาชน รวมถึง นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค ผู้ให้บริการท่าเรือ และการเดินเรือต่างๆ อาทิ เรือเฟอร์รี่ เรือยอร์ช เรือสปีดโบ๊ท รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และบริการทัวร์ทุกรูปแบบ ดังนั้นที่ผ่านมาการบริหารจัดการคุณภาพเครือข่ายบริเวณชายฝั่งและกลางทะเล หรือ SEA COVERAGE จึงเป็นภารกิจหลักที่เราทุ่มเท เพื่อให้สามารถสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจชายฝั่งดังกล่าวได้อย่างดีที่สุด”

นายวสิษฐ์ อธิบายต่อถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในพื้นที่ทางทะเลว่า “การทำงานเพื่อขยายโครงข่ายทางทะเล หรือ SEA COVERAGE มีความท้าทายในการทำงานอย่างมาก เพราะลักษณะเฉพาะทางภูมิศาสตร์ ตั้งแต่ชายฝั่ง เกาะ ไปจนถึงพื้นที่กลางทะเล รวมไปถึงแหล่งพลังงาน ทำให้ทีมวิศวกรต้องใช้ทักษะ และประสบการณ์ในการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงข่าย การผสมผสานระบบสื่อสัญญาณ (Transmission) พร้อมเลือกใช้นวัตกรรม โซลูชัน รูปแบบของพลังงานทดแทนจากธรรมชาติอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับภูมิประเทศและพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม  เพื่อให้โครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G มีความพร้อมมากกว่าระบบสื่อสาร แต่สามารถตอบโจทย์ทุกประสบการณ์ดิจิทัลของลูกค้าและผู้ประกอบการทุกกลุ่ม โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานตามพฤติกรรมและพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ดังนี้

กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Tourism Sector) ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานมากกว่า 95% ที่นอกเหนือจากกลุ่มนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร จะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์ดิจิทัลบนโครงข่าย AIS 5G แล้ว หน่วยงานภาครัฐ อาทิ หน่วยงานอุทยานแห่งชาติ กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ ยังสามารถเชื่อมต่อการใช้งานระบบสื่อสาร และบริการดิจิทัล อาทิ IoT และการจัดเก็บฐานข้อมูล (Tourism Smart Data) เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการอย่างผู้ให้บริการเรือยอร์ช (Yacht Route) เรือเฟอร์รี่ (Ferry Line) ที่โครงข่ายสื่อสารของ AIS มีความครอบคลุม ใช้งานได้ต่อเนื่องทุกเส้นทางการเดินทาง พร้อมนำนวัตกรรมอย่าง Super Cell มาทดลองทดสอบให้บริการจริงแล้ววันนี้ โดยสามารถส่งสัญญาณเชื่อมโยงระหว่างจุดต่อจุดได้สูงสุดกว่า 70 กิโลเมตร

กลุ่มอุตสาหกรรมประมง (Fisheries Sector) และความปลอดภัย ในพื้นที่สองชายฝั่งทะเลของประเทศทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน โดยอุตสาหกรรมประมงมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจภาคพื้นทะเล หรือ Ocean Economy เป็นอย่างมาก ทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านหรือประมงชายฝั่ง ที่ใช้เรือขนาดเล็กทำการประมงในระยะทางประมาณตั้งแต่ 3-12 ไมล์ทะเล และกลุ่มประมงเพื่อการพาณิชย์ หรือ ประมงน้ำลึก ที่ออกไปจับปลานอกเขตประมงชายฝั่ง แน่นอนว่ากลุ่มนี้ต้องการการติดต่อสื่อสาร ทั้งในด้านธุรกิจกับแพรับซื้อปลา การดูแลความปลอดภัย หรือการติดต่อครอบครัวบนฝั่ง และยังรวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งทหารและตำรวจที่ดูแลความมั่นคงทางทะเล ซึ่ง AIS สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน

กลุ่มชุมชนตามแนวชายฝั่งและบนเกาะ (Local Community Sector) ที่พัฒนาเครือข่ายครอบคลุมจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 98% แล้ว ทั้งมือถือ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ตอบสนองเรื่องการทำธุรกิจของผู้ประกอบการท้องถิ่น และระบบสาธารณูปโภคที่ใช้ดิจิทัลเข้ามายกระดับ

นายวสิษฐ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณภาพของ AIS SEA COVERAGE จะพร้อมรับช่วงเวลาสำคัญปลายปีนี้ ที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างชาติจะเดินทางพักผ่อน รวมไปถึงเป็นช่วงพีคของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะเสริมเศรษฐกิจภาคพื้นทะเล ให้เติบโตและแข็งแกร่งต่อไป”

CPF ดัน SMEs คู่ค้าพันธมิตรธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถ ผ่านโครงการ SMEx เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่คู่ค้า SMEs ในโครงการ SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก รุ่นที่ 1 ว่า บริษัท มุ่งมั่นส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจ SMEs มีขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างการเติบโตไปด้วยกัน โครงการ SMEx รุ่น 1 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ซีพีเอฟมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าธุรกิจ SMEs ไทย ให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นและเติบโตอย่างแข็งแกร่งสามารถตอบโจทย์เวทีการค้าโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ล่าสุด ผลสำเร็จของโครงการ SMEx รุ่นที่ 1 ช่วยให้เจ้าของกิจการ SMEs ได้มีความรู้และมองเห็นโอกาสในการพัฒนา ปรับปรุงธุรกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความปลอดภัย การบริหารจัดการทรัพยากรและพลังงาน เป็นต้น ช่วยให้คู่ค้า SMEs มีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น ประหยัดต้นทุนการผลิต ลดการใช้พลังงาน ลดของเสีย เพิ่มมูลค่า และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ขอให้ผู้ประกอบการนำผลลัพธ์ที่ได้รับไปต่อยอดปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจและโลกต่อไป

“บริษัทฯ ภาคภูมิใจมากที่มีส่วนร่วมช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกท่านมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และมีขีดความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มขึ้น เป็นรากฐานให้คู่ค้า SMEs สามารถมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งมีส่วนสำคัญซีพีเอฟและผู้ประกอบการ SMEs เติบโตไปด้วยกัน และขอขอบคุณทุกบริษัทที่เชื่อมั่นร่วมมือกับซีพีเอฟด้วยดีมาตลอด ความสำเร็จของ SMEs รุ่นแรกเป็นต้นแบบช่วยจุดประกายเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับคู่ค้า SMEs รายอื่นๆ ต่อไป” นายประสิทธิ์กล่าว

ด้านนายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟริเริ่มโครงการ SMEx ขึ้นเป็นปีแรกโดยมีคู่ค้า SMEs เข้าร่วม 10 บริษัท เพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพจำนวน 16 โครงการ โดยนำความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของซีพีเอฟมาช่วยส่งเสริมพัฒนาศักยภาพคู่ค้า SMEs แบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตามแนวทาง Lean Six Sigma การศึกษาดูงานในสถานประกอบการของซีพีเอฟที่เน้นใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลกในการผลิตอาหาร พร้อมทั้งมีทีมวิศวกรของซีพีเอฟช่วยประเมินงานเพื่อร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อคิดและจัดทำโครงการ โดยมีซีพีเอฟเป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาให้คำแนะนำจนจบโครงการ เพื่อร่วมพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ด้านความปลอดภัย ด้านบริหารพลังงานและสิ่งแวดล้อม และด้านระบบดิจิทัล

โครงการ SMEx เป็นโครงการหนึ่งภายใต้โครงการ “Partner to Grow เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” เป็นการผนึกกำลังกับหน่วยงานภายในองค์กรมาข่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอย่างรอบด้านให้กับ “คู่ค้าธุรกิจ” โดยมุ่งเน้นช่วยกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เป็นลำดับแรก ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ Faster Payment ที่ช่วยเหลือคู่ค้า SMEs มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น สามารถรักษากิจการในช่วงวิกฤติโควิด-19 และโครงการ CPF x BBL เสริมสภาพคล่อง เคียงข้างคู่ค้า ช่วยให้คู่ค้าขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นายไพศาล สมศรี เจ้าของบริษัท ยิ่งไพศาลการเกษตร จำกัด ผู้จัดหากระเทียม ผักชีสดสำหรับการผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ดีใจที่ได้ร่วมโครงการ SMEx เพราะความรู้และทักษะที่ได้รับจากซีพีเอฟมีผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการขนาดเล็ก และเกษตรกรในภาคเหนือประมาณ 2 พันราย สามารถนำความรู้และคำแนะนำไปใช้จริง ช่วยลดสารเคมี เพิ่มผลผลิต และรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วย

นางสาวณิชยา น่วมเจิม เจ้าของบริษัท ณิชาฟาร์ม จำกัด ผู้จัดหาน้ำมะนาว กล่าวว่า ขอขอบคุณซีพีเอฟที่ดำเนินโครงการสนับสนุนคู่ค้า SMEs ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินสามารถรักษาการดำเนินกิจการได้จากการร่วมโครงการ Faster Payment ของซีพีเอฟ และโครงการ SMEx ช่วยให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการเพิ่มผลผลิต ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย การจัดการของเสีย และยกระดับการดำเนินงานที่ส่งผลให้ตลอดห่วงโซ่การผลิตน้ำมะนาวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนงาน